10 พ.ค.64 – ที่สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ แกนนำราษฎร ปราศรัยในกิจกรรม”ส่องสว่างสังคมไทย” เราจะไปทางไหนกัน ในหัวข้อ “ส่องสว่างความหวัง”กิจกรรมก่อนจะมีการไต่สวนการปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำม็อบราษฎรในวันพรุ่งนี้ว่า ตนเชื่อว่าเราเคยมีความหวังแบบกว้างๆที่อยากเห็นการบริหารประเทศที่มีประสิทธิภาพและ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยความโปร่งใส แต่ พลเอกประยุทธ์ จันท์โอชา และพวกได้ พรากสิ่งเหล่านี้ไป โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมากลับมอบความผิดหวัง ด้วยการขายฝันลมๆแล้งๆ
“อย่างที่เห็นชัดเจนคือ ความพยายามปูทางเพื่อรวบอำนาจให้กับตัวเองและพรรคพวกของตัวเอง ผ่านทางรัฐธรรมนูญ และ ส.ว.ทั้ง 250 คน ผ่านการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใส และเมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ได้การบริหารงบประมาณอย่างไม่ถูกวิธี ทำให้เราเห็นการแก้ไขปัญหาโควิดอย่างล่าช้า เห็นประโยชน์กับพวกพ้องตัวเอง ความหวังอีกประการคือการปฏิรูปสถาบันฯ แต่พรรคพวกของ พลเอกประยุทธ์ ได้ทำให้เราผิดหวังด้วยการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ขัดขวางไม่ให้เกิดการพูดคุยเพื่อนำไปสู่การปฏิรูป ทั้งที่การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาอย่างแพร่หลายจะทำให้เราแก้ปัญหาง่ายขึ้นนำไปสู่ปฏิรูปได้โดยไร้ความรุนแรง ไม่มีความบาดหมางเกิดขึ้นกันในสังคม “
นส.ภัสราวลี กล่าวว่า เรามีความพยายามที่จะประนีประนอมที่สุด แต่รัฐบาลกลับมอบความรุนแรงให้เรา โดยคิดว่าประชาชนจะไม่ลุกขึ้นสู้ และพยายามทุกวิถีทางในการลดทอนความหวัง ขัดขวางไม่ให้เราหวังและสร้างความกลัวให้ ทำให้ความหวังของสังคมริบหรี่ลงไปทุกที แต่อยากให้ทุกคนมองว่าความริบหรี่นั้นถึงแม้ว่าดูเป็นไปได้ยากที่จะไปสู่ชัยชนะแต่มันก็บังคับให้เราต้องทำความหวังนั้นให้แหลมแหลมคมและตรงประเด็นมากขึ้นเพื่อไปสู่ชัยชนะให้ได้ เราจำเป็นจริงๆที่ต้องขัดเกลาความหวัง ให้มันตรงประเด็นและแหลมคมเพื่อชนะสิ่งที่ไม่ชอบธรรมในประเทศนี้ให้ได้
“สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเราทุกคนยังไม่หมดไฟในการสู้ แม้ว่าตอนนี้จะริบหรี่ แต่อยากให้ทุกคนมองไปรอบตัวและรอบข้างว่าสังคมเปลี่ยนไปขนาดไหนและแตกต่างไปจากที่เราเคยอยู่อย่างไร เราได้เห็นความหวังย่อยๆ ในรูปแบบของการตื่นตัวและแสดงออกทางการเมื่อในฐานะประชาชน พร้อมออกมาปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมากและหากเรารวมตัวกันแสงริบหรี่ก็จะส่องสว่างและเจิดจ้ากว่านี้ได้ และมีความหวังจะนำไปสู่ชัยชนะแห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่ไกลเกินเอื้อม อยากให้ทุกคนเชื่อมั่นในความหวังของเพื่อนเราที่อยู่ในเรือนจำ เราได้เห็นการเสียสละของ เพนกวิน อานนท์ แต่คนเหล่านี้ก็มีความหวังไม่ต่างจากข้างนอกเหมือนกันที่ต้องการเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของประเทศนี้ที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำ และประชาชนจะมีอำนาจในการกำหนดทิศทางของประเทศอย่างแท้จริง
นส.ภัสราวลี กล่าวว่า เชื่อว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ผิดหวังอย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค ด้วยการเก็บชัยชนะระหว่างทางเส้นทาง เพราะเส้นทางแห่งชัยชนะเห็นชัดกว่าเดิม ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในอำนาจของตัวเอง อย่าได้ปรามาสอำนาจของตัวเองว่าด้อยค่า เรามีศักดิ์ศรีในการต่อสู้เท่าเทียมกัน เมื่อเรามีความหวังเราจะต้องทำมันให้สำเร็จเพราะประเทศไทยเป็นของประชาชนทุกคน
จากนั้นได้มีการทำกิจกรรมการแสดงร่ายรำเคลื่อนไหวกับกวีจากเพื่อนถึงเพื่อนโดย ศิลปะปลดแอก หรือกลุ่มฟรีอาร์ท โดยมีการอ่านบทกวีที่แต่งโดยเพนกวิน และก่อนกิจกรรมได้มีการนำโคมดาวกระดาษปิดไฟแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ก่อนยุติกิจกรรมในเวลา ประมาณ 19.45 น.