มาร์ค พิทบูล” ควง “มงคลกิตติ์ ” ลุยจี้ ผบ.ตร.เร่งคดีเจ้าสัวเปรมชัย ให้มีมาตราฐาน ทวงความเป็นธรรมให้ญาติ เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง สัตว์ป่าสงวน พร้อมป้อง วิเชียร
วันอังคารที่ 7 มีนาคม 2561 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน เวลา 10.00 น. กลุ่มไทยศรีวิไลย์ นำโดย นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล รองหัวหน้ากลุ่มไทยศรีวิไลย์ และ ผู้แทน เสือดำ,ไก่ฟ้าหลังเทา และเก้ง ที่ถูกทรมานจนเสียชีวิต พร้อมด้วย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ(ภธช) และ คณะฯ แนวร่วม เดินทางมายื่นหนังสือถึง พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ด้วย กลุ่มไทยศรีวิไลย์
ได้รับข้อมูลจากสื่อมวลชน ประกอบกับ สมาชิกของกลุ่มฯ เกิดความไม่สบายใจในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนาย กรณีที่ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สรุปข้อหากล่าวหาที่จะเอาผิดนายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 4 คน มี 9 ข้อหา ประกอบด้วย
1.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
3. ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
4.ฐานร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
5.ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
6.ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์เข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ความผิดไม่มีบทกำหนดโทษ
7.ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดไม่มีบทกำหนดโทษ
8.ฐานร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวน ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท
9.ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน แม้ปืนทุกกระบอกมีทะเบียน แต่อาจไม่มีใบอนุญาตพกพา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท
จะสังเกตได้ว่าการตั้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนก็ดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งแต่ละข้อกล่าวหามีโทษรวมหนักพอสมควร แต่ที่สงสัยทำไมเมื่อมีอัตราโทษรวมสูงเกินกว่า 3 ปี พนักงานสอบสวนจึงไม่ดำเนินการออกหมายจับ นายเปรมชัย กรรณสูตร และพวก แต่กลับออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาแบบล่าช้ามาก นุ่มนวลนอบน้อมมากเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากคดีหวย 30 ล้านบาท ฟ้ากับเหว ที่ไปตามจับถึงในห้องสอนหนังสือนักเรียนในโรงเรียน
แล้วสอบสวนทั้งวันทั้งคืนกว่า 2 คืน ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 ถึง 2 มีนาคม 2561 แล้วจึงขอศาลฝากขังผลัดแรกแต่ศาลก็ให้ประกันตัวไป ซึ่งคดีทั้ง 2 คดีควรจะมีมาตรฐานการจับกุมดำเนินคดีที่เหมือนกันซึ่งจะต้องมีมาตราฐานเดียวกัน
ดังนั้น ทางกลุ่มไทยศรีวิไลย์ จึงเรียนมายัง ท่านพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการดังนี้
1. ขอให้เร่งลัดดำเนินคดีกับ นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อีตาเลียนไทย จำกัด(มหาชน) และ พวก 4 ราย ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
2.ให้ความยุติธรรมกับ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุม
3.ให้ความเป็นธรรมกับ เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา และ เก้ง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งถูกทรมานก่อนเสียชีวิต อีกทั้ง ญาติพี่น้องของสัตว์ป่าสงวนเหล่านี้ก็เสียใจเป็นอย่างมาก4.ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรับปรุง การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามหน้าที่แบบเท่าเทียมกันกับบุคคลทุกสถานะภาพทางสังคมสำนักข่าววิหคนิวส์สำนักข่าววิหคนิวส์