รอยเตอร์ – หัวหน้าหน่วยยามชายฝั่งของมาเลเซียระบุในวันนี้ (8) มาเลเซียจะไม่ขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงญาที่หลบหนีความรุนแรงในเมียนมาร์กลับไป
กลุ่มกบฏโรฮิงญาโจมตีสถานีตำรวจหลายแห่งและค่ายทหารแห่งหนึ่งในเมียนมาร์เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม การปะทะและการโจมตีตอบโต้ทางทหารทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 400 คนและส่งผลให้ประชากรกว่า 160,000 คนต้องอพยพไปยังบังกลาเทศ
มาเลเซียที่อยู่ห่างจากทะเลๆอันดามันลงมาทางใต้หลายร้อยกิโลเมตรมีแนวโน้มที่จะได้เห็นผู้อพยพทางเรือจากเมียนมาร์เพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์และเดือนข้างหน้าเนื่องจากความรุนแรงระลอกใหม่ ซุลกีฟลี อาบู บาการ์ ผู้อำนวยการหน่วยบังคับใช้กฎหมายทางทะเลของมาเลเซีย ระบุ ปัจจุบันมาเลเซียรองรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาอยู่แล้ว 100,000 คน
“เรามีหน้าที่ให้สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่พวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถเดินทางต่อไปได้และผลักดันพวกเขาอออกไป แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม เราไม่อาจทำเช่นนั้นได้” ซุลกีฟลี บอกกับรยเตอร์ และเสริมว่า ยังไม่มีการพบเห็นผู้ลี้ภัยชุดใหม่
มาเลเซีย ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม จะจัดให้ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาอยู่ในศูนย์กักกันผู้อพยพซึ่งเป็นที่กักกันชาวต่างที่ไม่มีเอกสาร เขากล่าว
มาเลเซียซึ่งไม่ได้ลงนามอนุสัญญาผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติปฏิบัติกับผู้ลี้ภัยในฐานะผู้อพยพผิดกฎหมาย
ประเทศไทยก็ระบุว่ากำลังเตรียมพร้อมที่จะรับผู้ลี้ภัยการสู้รบในเมียนมาร์ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาราว 59,000 คนจดทะเบียนกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในมาเลเซียถึงแม้ว่าตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการจะมากกว่านั้นเกือบเท่าตัวก็ตาม
ในปี 2015 หลุมฝังศพจำนวนมากถูกขุดพบในค่ายกลางป่าบริเวณชายแดนระหว่างไทยและมาเลเซียซึ่งคาดว่าเป็นของชาวโรฮิงญาที่ตกเป็นเหยื่อกลุ่มลักลอบค้ามนุษย์
ที่มา mgr online
สำนักข่าววิหคนิวส์