กระแสขุดบิตคอยน์มาแรง “การ์ดจอ” ขาดตลาดทั่วโลก “เจ.ไอ.บี.” ชี้ลามเข้าไทยตั้งแต่ เม.ย. ดันรายได้เพิ่ม 10% ระบุเน็ตคาเฟ่ 90% ฮิตลงทุนสร้างฟาร์มขุด ด้านกูรูบิตคอยน์คาดสิ้นปีกำไรอาจทะลุ 200% ปีเดียวราคาพุ่งจาก 400 US เฉียด 3,000 US แต่เริ่มติดดอย แถมมีแชร์ลูกโซ่แฝงตัวหลอกลวง
นายสมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กระแสการ “ขุดบิตคอยน์” (แก้โจทย์สมการที่คิดค้นขึ้นเฉพาะแลกกับการได้เงินดิจิทัล “บิตคอยน์”) เพิ่มขึ้นสูงมาก ด้วยมูลค่าของบิตคอยน์ที่สูงขึ้น จึงมีผู้ลงทุนซื้ออุปกรณ์เพื่อติดตั้งโปรแกรมแก้โจทย์สมการมากขึ้น
“กระแสขุดบิตคอยน์ฮิตขึ้นมากทั่วโลกตั้งแต่เม.ย.ที่ผ่านมาทำให้การ์ดจอคอมพิวเตอร์ขาดตลาดทั่วโลก และลามถึงในไทยแล้ว เพราะการ์ดจอเป็นอุปกรณ์ตัวหลักและต้องใช้มากถึง 6 ชิ้นต่อชุด พอการ์ดจอขาด บางคนก็ซื้อไปทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วแยกเอาไว้แต่การ์ดจอ ส่วนที่เหลือก็แยกชิ้นขายออกไป ซึ่งก็มีบางกลุ่มที่นำการ์ดจอแยกไปขายบวกกำไรอีกต่อหนึ่งราว 2,000-3,000 บาท อย่างที่ของขาดตลาดอยู่ตอนนี้ เจ.ไอ.บี.เองก็บวกกำไรขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่รับมาขายแล้วจะบวกแค่ 500 บาทต่อชิ้น”
สถานการณ์นี้ทำให้ยอดขายการ์ดจอของ เจ.ไอ.บี.ดีขึ้นและได้กำไรมากขึ้น จากเฉลี่ยที่ 12,000 ชิ้น/เดือน เป็น 15,000 ชิ้น/เดือน รายได้เพิ่มขึ้น 10% ใน 3 เดือน แต่ยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบ (DIY) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักลดลง เนื่องจากมีอุปกรณ์ไม่พอประกอบเครื่อง DIY ดังนั้น เจ.ไอ.บี.ต้องมีกันสต๊อกไว้ โดยย้ำกับพนักงานไม่ให้ขายการ์ดจอแยก ให้ขายเป็นเซตเครื่องประกอบเท่านั้น
ผลิตการ์ดจอเฉพาะเจาะนักขุด
การ์ดจอที่ใช้ขุดบิตคอยน์ส่วนใหญ่จะใช้รุ่นRX570, GTX1080Ti เป็นต้น ราคาอยู่ที่ 6,000-30,000 บาทขึ้นไป หรือซื้อเป็นเครื่องขั้นต่ำที่ 60,000 บาทขึ้นไป
“ผู้ผลิตการ์ดจออย่างวีจีเอ ยังไม่กล้าเพิ่มกำลังผลิต เพราะไม่แน่ว่าเทรนด์จะนานแค่ไหน ถ้ากระแสหมด สินค้าก็ล้นตลาด แต่หลายบริษัทเริ่มผลิตการ์ดจอสำหรับการขุดบิตคอยน์โดยเฉพาะ อาทิ เอ็มเอสไอ โดยทยอยวางตลาดแล้ว”
เทรนด์นักขุดขยายทุกกลุ่ม
สำหรับนักขุดบิตคอยน์ในไทยมีทั้งที่เป็นกลุ่มคนทั่วไปที่ลงทุนเครื่องประมวลผลในจำนวนไม่มากเนื่องจากมีต้นทุนเครื่องสูงกับอีกกลุ่มที่ลงทุนหลักร้อยเครื่อง เพื่อสร้างเป็น “ฟาร์มขุด” ซึ่งมีอยู่เยอะในไทย แต่ไม่เปิดเผยตัว อาทิ ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ที่มีราว 80-90% เปิดฟาร์มขุดบิตคอยน์เนื่องจากมีฮาร์ดแวร์อยู่แล้ว
ภาพรวมของ เจ.ไอ.บี. ปัจจุบันขายคอมพิวเตอร์ได้ราว 1 หมื่นเครื่อง/เดือน รายได้เฉลี่ยราว 800 ล้าน/เดือน ครึ่งปีที่ผ่านมาโต 20% และสิ้นปีน่าจะคงอัตรานี้ จากกระแสของเกมมิ่ง บิตคอยน์
ด้านนายภูมิ ภูมิรัตน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การขุดบิตคอยน์เข้ามาในไทยไม่ต่ำกว่า 4-5 ปีแล้ว แต่เพิ่งฮิตมาก ช่วง 3-4 เดือนมานี้ เนื่องจากราคาของบิตคอยน์โตขึ้น 2-3 เท่าตัว ทำให้มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนกับบิตคอยน์เยอะขึ้น ทั้งกลุ่มที่มีความรู้ไอที กลุ่มผู้ที่สนใจทางการเงิน หรือคนที่ไม่มีความรู้ไอทีมาก่อน
1 ปีราคาพุงเกือบ 3 พัน US
“ต้นทุนขุดบิตคอยน์แพง อุปกรณ์ต่อชุดต่ำ ๆ ก็เกือบแสน ค่าไฟอีกเยอะ เพราะอุปกรณ์พวกนี้มีความร้อนสูง แต่ราคาของบิตคอยน์ช่วงที่ผ่านมา ลงทุน 1 ปีอาจจะได้กำไรมากถึง 200%”
โดยเมื่อ ก.ค.ปีที่แล้ว ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ราว 400-500 เหรียญสหรัฐ ต้นปีนี้ทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐ ขึ้นไปสูงสุดเกือบ 3,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 1 แสนบาท) ตอนนี้อยู่ที่ราว 2,400 เหรียญสหรัฐ (ราว 8 หมื่นบาท)
“ราคาบิตคอยน์ไม่สามารถควบคุมได้ ในปีนี้มี 3-4 ครั้งแล้วที่ภายในวันเดียวราคาลงมา 20-30% ตอนนี้คนติดดอยบิตคอยน์ก็เยอะ จึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก คนจะเข้าไปเล่นต้องมีความรู้ ต้องมีเงินเย็น เพราะเป็นเรื่องใหม่ในตลาดมาก ๆ ความรู้ที่แปลเป็นภาษาไทยมาแล้วยิ่งน้อย”
เงินสะพัดเฉียดพันล้าน
ขณะเดียวกันในประเทศไทยยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องครบวงจรรองรับบิตคอยน์แล้วทั้งตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ ร้านค้าที่รับบิตคอยน์ โดยจากมูลค่าที่สำรวจจากตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน คาดว่าในปีที่แล้วบิตคอยน์หมุนเวียนเฉพาะในไทยเกือบ ๆ พันล้านบาท
“ตอนนี้ในไทยที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ รายใหญ่สุดน่าจะเป็น Bx.in.th ที่เงินหมุนเวียนเยอะ มีกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนแทบไม่ต่างจากหุ้น แล้วยังมีร้านแลกเปลี่ยนเงินบิตคอยน์เฉพาะในกรุงเทพฯกว่า 10 ร้าน ทั่วประเทศราว ๆ 30 ร้าน ร้านค้าที่รับบิตคอยน์แทนเงินสดก็มีแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวยังมี ต่อไปก็จะเพิ่มขึ้นอีก”
และไม่ใช่แค่บิตคอยน์เท่านั้นที่กำลังได้รับความนิยม แต่รวมถึงเงินดิจิทัลในอีกหลายสกุลด้วย ดังนั้นผู้ที่จะเข้าไปลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ หลักสำคัญคือ บิตคอยน์มีรายได้จากการแก้สมการเพื่อหาบิตคอยน์ ไม่ได้มาจากค่าคอมมิสชั่นในการหาเครือข่าย
“บิตคอยน์มีความเสี่ยงสูงและเป็นเรื่องใหญ่ จึงมีมิจฉาชีพบางรายใช้จังหวะนี้ดึงดูดคนที่สนใจให้เข้ามาระดมทุนเพื่อขุดบิตคอยน์ ซึ่งมีผู้เสียหายโดนหลอกหลายรายแล้ว สูญเงินหลักแสนบาท ดังนั้นหากมีใครเป็นตัวแทนมาชักชวนลงทุนกับบิตคอยน์ ให้ระวังไว้ก่อนเพราะมีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นหลอกลวงแชร์ลูกโซ่ แต่ถ้าเขาลงทุนขุดบิตคอยน์เอง ให้ขอดูหลักฐานทั้งอุปกรณ์ทั้งบัญชี แล้วนำมาเช็กข้อมูลให้รอบด้านก่อน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกลุ่ม OneCoin ที่เข้ามาหลอกลวงในหลายประเทศ อ้างบิตคอยน์ แต่จริง ๆ เป็นแชร์ลูกโซ่ ไม่ได้มีการขุดจริง พอถูกจับก็สลายตัวไป ตอนนี้เริ่มกลับมาอีกรอบในชื่ออื่นแล้ว
ขอบคุณที่มา: http://www.prachachat.net
#Wanwilai วันวิไล รักการดี สำนักข่าว Vihoknews