มูลนิธิสืบฯแถลงการณ์ฉบับ2จี้คดีล่าเสือดำ1เดือนผลสอบสวนไม่คืบเล็งตบเท้าทวงถาม‘ผบ.ตร.’‘ศรีวราห์’ว้ากกรมอุทยานฯผลตรวจของกลางไม่คืบหน้า
มูลนิธิสืบฯแถลงการณ์จี้คดีเสือดำ ชี้พฤติการณ์ เจตนาชัดเข้าไปล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ฯ ความผิดไม่ซับซ้อน ส่งหนังสือถึงผบ.ตร. ถ้าไม่คืบจะเดินทางไปทวงถาม ฮึ่มถ้าสำนวนฟ้องไม่มี “เปรมชัย” ล่าสัตว์ ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง บี้กรมอุทยานฯตรวจสอบสำนวนให้รอบคอบ
ด้าน “ศรีวราห์” เมินศรีสุวรรณร้องตรวจสอบภาพรับไหว้ ยันคดีไม่ล่าช้าว่าตามหลักฐาน เผยรอผลตรวจหลักฐานจากกรมอุทยานฯ3สัปดาห์แล้วยังไม่คืบหน้า
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร มูลนิธิสืบนาคะเสถียรออกแถลงการณ์ ครั้งที่ 2 เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จากกรณีที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คน ที่เข้าไปตั้งแคมป์ในเขตพื้นที่หวงห้ามของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พร้อมตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืน เครื่องกระสุน และปลอกกระสุนปืนได้นั้น จนถึงขณะนี้ครบรอบ 1 เดือนแล้ว แต่การสอบสวนดำเนินคดีต่อ นายเปรมชัย กับพวกเป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้น มูลนิธิสืบนาคะเสถียรขอออกแถลงการณ์มีเนื้อหาโดยสรุปว่า
1.เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี พบข้อเท็จจริงว่า นายเปรมชัย กับพวก ลักลอบนำอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถ ก่อนขออนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตั้งแต่แรกแล้ว ลักลอบตั้งแคมป์ในเส้นทาง และบริเวณพื้นที่ที่หวงห้าม แสดงให้เห็นว่า นายเปรมชัย กับพวก มีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์ตั้งแต่แรก นอกจากนี้ พยานหลักฐานในจุดตั้งแคมป์ ทั้งร่องรอยกระสุน เศษกระดูกสัตว์ ล้วนเป็นพยานวัตถุสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ที่ชัดเจนยิ่งกว่า นายเปรมชัย กับพวก ได้ร่วมกันกระทำความผิดสำเร็จฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแล้ว นอกเหนือจากความผิดฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองของซากสัตว์ป่าคุ้มครอง และฐานซ่อนเร้น และความผิดประกอบอื่นๆ
2. จากพฤติการณ์แห่งคดี และพยานหลักฐานที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าคดีไม่ซับซ้อน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี โดยเฉพาะตำรวจ เร่งสรุปสำนวน พร้อมส่งความเห็นไปยังอัยการและส่งฟ้องศาลอย่างรวดเร็ว และอย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นสอบสวน โดยมุ่งไปสู่การเสาะหาพยานวัตถุที่อาจเปลี่ยนแปลงได้
3. ขอให้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล เร่งรัดติดตามคดีนี้ใกล้ชิด และขอให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบดำเนินคดีในชั้นอัยการอย่างรอบคอบก่อนส่งฟ้องศาล และ4. ขอให้รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐยืนเคียงข้างประชาชน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมประณามผู้มีเจตนาทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม
นายศศินกล่าวว่า จะส่งแถลงการณ์ฉบับนี้ไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ก่อน และจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์อื่นๆ เดินทางไปพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์เพื่อให้เร่งดำเนินการคดีนี้ นอกจากนี้ เราทราบว่า วันที่ 26 มีนาคม พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาว่าจะส่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งพวกเราขอประกาศเลยว่า หากในสำนวนคดีที่ตำรวจจะส่งฟ้องศาล ถ้าไม่มีข้อหาเจตนาฆ่า ล่าสัตว์ป่า เราคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องนัดกับใครเพื่อออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ เพราะพวกเราไม่ยอม
“นั่นหมายความว่าจะเกิดปรากฏการณ์ ประชาชนจะออกมาเดินกลางถนนอีกครั้งหนึ่งแน่นอน แต่ต้องรอให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงก่อน ผมคิดว่า กระสุนที่ยิงสัตว์ป่าตายเพียงไม่กี่นัดคงจะไม่คุ้มค่าหากมันจะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย หากเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นมา” นายศศินกล่าว และว่า ที่กล่าวมาเป็นขั้นตอนต่อไปที่มูลนิธิสืบฯและประชาชนจะร่วมดำเนินการ แต่จากนี้ไปจะจับตาการทำงานของตำรวจ แต่ถ้าเกิดความไม่น่าไว้วางใจขึ้นมาในอนาคต อาจต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ขอให้ ผบ.ตร.เปลี่ยนคนเข้ามาทำคดี แทนทีมที่ทำอยู่ในปัจจุบัน หรือขอให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาช่วย
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรม-วินัย หลังปรากฏภาพรับไหว้นายเปรมชัยในโซเชียลมีเดียว่า ตนยินดีให้ตรวจสอบ นายศรีสุวรรณจะพุดอะไร อย่าให้ผิดกฎหมายแล้วกัน อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าจะไหว้ใครหรือไม่ไหว้ใคร สำนวนก็ไม่ได้เปลี่ยน ถ้าตนเสียหาย ก็ว่าไปตามกฎหมาย
ส่วนการสอบปากคำนายเปรมชัยกับพวกที่มาพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีนั้นพล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นการสอบประกอบสำนวนให้สมบูรณ์ จนถึงขณะนี้ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่าไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องสอบ เพราะอย่าลืมว่าคำให้การของผู้ต้องหากฎหมายไม่ให้รับฟัง
รองผบ.ตร. กล่าวว่า สำหรับการสอบปากคำนายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ประเด็นแจ้งข้อหานายเปรมชัย ติดสินบนเจ้าพนักงานนั้น สอบปากคำไปบางส่วนแล้ว แต่ข้อมูลไม่ครบ ไม่ได้เรียกมาซ้ำซาก เพียงแต่นายวิเชียรขอเลื่อน ตนบอกให้เจ้าหน้าที่ไปสอบที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฯเลย การรวบรวมพยานหลักฐาน มีหลักฐานอะไรบ้าง ต้องเอามาให้หมด พนักงานสอบสวนจะได้พิจารณาแจ้งข้อหา ไม่ได้หวั่นไหวแม้สังคมวิจารณ์การทำงานของตำรวจ ยืนยันดำเนินการตามกฎระเบียบที่มี ส่วนการแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมกรณีครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของกรมอุทยานฯ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ไปจดแจ้งครอบครองคือภรรยาของนายเปรมชัย
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ล่าสุด พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหานายเปรมชัย 9 ข้อหาส่วนข้อหาที่ 10 ตามที่คุณวิเชียรแจ้งความร้องทุกข์ เรื่อติดสินบน อยู่ระหว่างรอสอบเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ว่าหลักฐานแน่นหนาพอหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเ นื่องจากรอหนังสือจากกรมอุทยาน ในส่วนของสำนักงานแห่งชาติ ได้รับหนังสือคำตอบ และสอบปากคำสำนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนของอุทยาน 3 อาทิตย์แล้วยังไม่ได้รับคำตอบ
ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีวิพากษ์วิจารณ์การทำคดียิงเสือดำของพล.ต.อ.ศรีวราห์ว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์มีหลักฐานทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเชื่อมั่นได้ ตนเชื่อว่าประชาชนจะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
Cr.naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์