ความวุ่นวายทางการเมืองใน “ฮ่องกง” ตลอดปี 2019 จากการชุมนุมประท้วงต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนก่อนที่จะลุกลามและยืดเยื้อมาจนถึงต้นปีนี้ ส่งผลให้รัฐบาลจีนออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ บังคับปราบปรามแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมฮ่องกงและควบคุมสถานการณ์ให้สงบ แต่ก็ส่งผลให้ธุรกิจต่างชาติในฮ่องกงกังวลว่าอาจได้รับผลกระทบด้านเสรีภาพและความปลอดภัยในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธนาคารที่กำลังขยับไปยัง “สิงคโปร์” แทนที่ฮ่องกง
ข้อมูลสำรวจการรับสมัครงานใหม่ของธนาคารยักษ์ใหญ่ ล่าสุดเดือน ธ.ค. 2020 จัดทำโดยลิงก์อินภายใต้การควบคุมของไฟแนนเชียลไทมส์พบว่า ธนาคารระดับโลกอย่าง “ยูบีเอส” ธนาคารเพื่อการลงทุนสัญชาติสวิส และ “เจพีมอร์แกน” ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่มีการจ้างงานในสิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วนถึง 8 เท่าของการจ้างงานในฮ่องกง
รวมทั้งเครดิตสวิส, โกลด์แมน แซกส์ และซิตี้แบงก์ ก็มีจำนวนการรับสมัครงานในสิงคโปร์มากกว่า 2 เท่าของการรับสมัครในฮ่องกง โดยการจ้างงานในสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจจากสถานการณ์ในฮ่องกง อีกทั้งสิงคโปร์ยังมีความเติบโตของภาคธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีการเงินที่มีการส่งเสริมการเปิด “ธนาคารดิจิทัล” ในช่วงที่ผ่านมา
บริษัท “ฮัดสัน” และ “ไมเคิลเพจ” ผู้เชี่ยวชาญด้านสรรหาบุคลากรสำหรับธุรกิจการเงินและเทคโนโลยี เปิดเผยว่า การสรรหาบุคลากรของบริษัทในปีนี้ราว 15-20% เป็นการสรรหาให้กับกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยผู้จัดการบริษัทฮัดสันในสิงคโปร์ระบุว่า “ปีนี้ได้สรรหาบุคลากรตำแหน่งนายธนาคารสำหรับดูแลลูกค้ารายใหญ่ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เพื่อแทนที่ตำแหน่งในฮ่องกง รวมถึงบุคลากรฝ่ายหลักทรัพย์ และฝ่ายดูแลการปฏิบัติตามกฎหมาย ที่มีการสรรหาเพิ่มขึ้นด้วย”
ขณะที่ “เควิน ทีโอ” ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของไมเคิลเพจ กล่าวว่า บริษัทในฮ่องกงต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงด้วยการย้ายฐานบางส่วนไปสิงคโปร์ และหากบริษัทจะเพิ่มพนักงานในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ส่วนมากก็จะเลือกสิงคโปร์เป็นอันดับแรก
อย่างไรก็ตาม หลายธนาคารยังคงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในขณะนี้ และไม่เปิดเผยจำนวนพนักงานทั้งในฮ่องกงและสิงคโปร์ โดยซิตี้แบงก์ระบุว่า ทั้งฮ่องกงและสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคที่สำคัญ โดยธนาคารมีธุรกิจที่เชื่อมโยงระหว่างสำนักงานทั้งสอง และคงอัตราการจ้างงานที่เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าในทั้งสองตลาด
ขณะที่ “สแตนลีย์ ทีโอ” กรรมการผู้จัดการของโปรไฟล์เอเชีย บริษัทสรรหาบุคลากรในอุตสาหกรรมการเงินรายใหญ่ระบุว่า มีหลายสาเหตุที่ธนาคารหลายแห่งเพิ่มการจ้างงานในสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการขยายธุรกรรมดิจิทัลที่กำลังเติบโตในสิงคโปร์ รวมถึงความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของสิงคโปร์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ฮ่องกงก็ยังคงมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่ธนาคารทุกแห่งไม่สามารถละทิ้งได้