11 พ.ย.2564 – ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยการปราศัยของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามาตรา 49 และสร้างความไม่พอใจให้กับมวลชนที่มารวมตัวรับฟังคำวินิจฉัยบริเวณทางขึ้นศาลรัฐธรรมนูญฝั่งทิศเหนือ โดยมีการกล่าวโจมตีการทำงานของตุลาการ เรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรา 112 และทำกิจกรรมเผาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำลองเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล รธน.ว่า การรวมตัวทำกิจกรรมนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯจะเป็นพื้นที่ประกาศนำร่องการท่องเที่ยว แต่การรวมตัวทำกิจกรรมต้องไปดูว่าผิดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดหรือไม่อย่างไร ในส่วนที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมายไม่มีสองมาตรฐาน” รองโฆษก ตร.กล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวถึงเว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญถูกผู้ไม่หวังดีแฮ็กเว็บว่า เบื้องต้นยังไม่ได้มีการมาร้องทุกข์กับหน่วยงานใดของตำรวจ แต่ถ้ามีการมาร้องทุกข์ก็จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
พร้อมกันนี้ รองโฆษก ตร.ยังกล่าวถึงการปลุกปั่นไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล รธน.ทางโซเชียลมีเดียว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเฝ้าระวังรวบรวมพยานหลักฐาน และฝากเตือนไปยังประชาชนอย่าแสดงความคิดเห็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมาย หากมีการชุมนุมต่อต้านคำวินิจฉัยของศาลเป็นหน้าที่ของ บช.น.ที่จะได้จัดกำลังเพื่อรักษาความสงบ
