“อนุทิน” เปิดงานกัญชา “บึงกาฬ” มั่นใจ ในอนาคตเป็นพืชเพื่อสุขภาพ เศรษฐกิจใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ระบุหากจะปลูกตอนนี้ต้องรวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมาย หากจะปลูกในบ้านต้องรอมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจาฯครบ 120 วันก่อน
เมื่อวันที่ 23 มี.ค.65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง คณะผู้บริหารฝ่ายปกครอง และส่วนท้อง บุคลากรด้านการสาธารณสุข อสม. และประชาชน ร่วมงานประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 8 หรือพื้นที่ จังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย หนองบัวลำภู และจังหวัดบึงกาฬ โดยนายอนุทินได้กล่าวเปิดงานระบุว่า นโยบายกัญชาทางการแพทย์ เป็นนโยบายที่กําหนดขึ้น เพื่อสร้างรายได้ ให้ประชาชน และประเทศ กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ เพราะเป็นหนึ่งในพืชที่ใช้ ประโยชน์นํามาเป็นยา และอาหารได้ทุกส่วน ทั้ง ราก ต้น ใบ และดอก ที่คนไทย ใช้กันมานาน การดําเนินงานกัญชาทางการแพทย์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า กัญชา จะเป็นพืชเศรษฐกิจ และจะสามารถพลิกโฉมให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ในภาพรวมของประเทศ เห็นได้จากผลงานในปี 2565 แม้ว่าจะมีสถานการณ์ โควิด-19 พบว่า ผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศ อย่างมาก สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงกว่า 7 พันล้านบาท
สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติ เริ่มก้าวแรกจากการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ การทําให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชน และความสําเร็จล่าสุดคือ มีการแก้กฎหมายทําให้พืชกัญชาหลุดจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.65 ตนได้ลงนามปลดล็อกพืชกัญชา จากการเป็นยาเสพติด เพื่อเปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสม ไม่จํากัดแค่ 6 ต้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 120 วัน การจัดงานประชุมวิชาการกัญชาของเขตสุขภาพนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการนํา ส่วน กิ่ง ก้าน ราก ใบ และช่อดอก เพื่อเอาส่วนที่เป็นประโยชน์มาใช้เป็นยาสมุนไพร ประกอบอาหาร รวมถึงผู้ประกอบการ และบุคลากรทางการแพทย์ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้กัญชาได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย รวมถึงต่อยอด ทางธุรกิจได้อย่างคุ้มค่า
นายอนุทินกล่าวว่า เน้นย้ำว่า กัญชา กัญชง มีประโยชน์มาก สามารถนํามาใช้รักษาอาการเจ็บป่วยได้ เรากําลังเดินหน้าให้คนไทยสามารถปลูกกัญชา เพื่อใช้รักษาโรคได้เช่นเดียวกับพืชสมุนไพรตัวอื่น แต่จะต้องมีกระบวนการ ควบคุมที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เพื่อให้มีกฎหมายมาควบคุมเฉพาะ หลังจาก 120 วัน ที่กัญชาจะพ้นจากการเป็นยาเสพติด ประชาชน ที่ต้องการปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือน ไม่ต้องขออนุญาตแบบแต่ก่อน เปลี่ยนเป็นมาจดแจ้งให้รัฐทราบ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกําหนดของสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เมื่อได้ทําตามความประสงค์ของประชาชน คือ เอาต้นกัญชาออกจากยาเสพติดแล้ว ขอให้ได้ใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้อง และช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้นําไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
“ขณะนี้ ยังปลูกเลยไม่ได้ หากจะปลูก ต้องรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือให้ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้น เมื่อผ่านพ้น 120 วัน ที่ประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนมิถุนายนปีนี้พอดี เพลงของคุณแอ๊ด คาราบาว ว่าไว้ กัญชามีจารึกในประวัติศาสตร์ ว่าไทยแลนด์เป็นชาติที่ใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ความเข้าใจตรงนี้ ต้องรู้ทั้งวิธีการใช้ และเรื่องของกรอบกฎหมาย เมื่อทุกอย่างง่ายขึ้น ชัดเจนขึ้น มั่นใจว่า กัญชามีอนาคตที่สดใส ทั้งในเรื่องการแพทย์ และในเรื่องของเศรษฐกิจ ไปจนถึงจะช่วยส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวด้วย”