วันที่ 31 มี.ค.64 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาปรับเพิ่มอัตราภาษีใดๆ รวมทั้งอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) โดยการเก็บแวตอัตรา 7% จะครบกำหนดสิ้นเดือนกันยายนนี้ ก็จะขยายอัตราเดิมออกไปอีก 1 ปี ยืนยันว่าในช่วงนี้จะไม่มีการเพิ่มอัตราภาษีแวต จะต้องให้การปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบแล้วเสร็จก่อน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง โดยให้ระยะเวลา 1 ปี
สำหรับการศึกษาโครงสร้างภาษีทั้งระบบ จะต้องพิจารณาการขยายฐานภาษี และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ โดยปีงบประมาณ 2564 จะเป็นช่วงของการศึกษาโครงสร้างภาษีทั้งระบบ ยังเหลือเวลาศึกษาอีก 6 เดือน และจะมีการประเมินจัดเก็บรายได้ในเดือนมิถุนายน 2564 อีกครั้ง และ หลังจากครบกำหนด ที่กรมสรรพากรได้ออกมาตรการบรรเทาภาระประชาชน จากผลกระทบการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ด้วยการเลื่อนเวลาชำระภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จะสิ้นสุดมิถุนายน 2564 ซึ่งการจัดเก็บรายได้ตามต่ำกว่าเป้าหมายก็จะมีการประเมินในเรื่องดังกล่าวด้วย ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ทางกรมสรรพสามิต ยังไม่ได้เสนอโครงสร้างภาษีใหม่มาให้พิจารณา
“การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายนั้นเกิดขึ้นทุกประเทศ เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 โดยเฉพาะไทยที่อาศัยภาคการท่องเที่ยวกว่า 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังมีรายได้หลายทางที่นอกเหนือจากการจัดเก็บรายได้จากกรมภาษี ยังมีรายได้จากรัฐวิสาหกิจ และการกู้เงิน ซึ่งเชื่อว่าสิ้นปีงบประมาณ 2564 มีหลายแนวทางที่จะปิดหีบงบประมาณปี 2564 ได้” นายอาคมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี ปีงบประมาณ 2564 ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิตนั้น ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-กุมภาพันธ์ 2564 รวมระยะเวลา 5 เดือน จัดเก็บรายได้แล้วจำนวน 100,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังแม้จะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าแต่ยังมีรายได้จากส่วนอื่นทดแทน เช่น รายได้จากรัฐวิสาหกิจที่ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เป็นต้น