ดาราสาว “หมิว สิริลภัส” ร่ำไห้เปิดใจหลังถูกตำรวจตามแอบถ่ายในห้องน้ำ ลั่นไม่ไกล่เกลี่ยขอเอาเรื่องถึงที่สุด เชื่อตำรวจตั้งใจไม่ได้เข้าห้องน้ำผิด
นางสาวสิริลภัส กองตระการ หรือ หมิว ดารานักแสดง แถลงเปิดใจกับสื่อมวลชน กรณีถูกแอบถ่ายในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน ริมถนนรัชดาภิเษก
ว่า เธอยืนยันว่า วันเกิดเหตุระหว่างจอดรถเข้าห้องน้ำ เห็นรถอีกคันขับมาจอดข้างๆ แต่ผิดสังเกตตรงที่คนขับไม่ยอมลงจากรถ จึงลงจากรถโดยหยิบมีดปอกผลไม้ติดลงไปด้วย ระหว่างเดินได้ยินเสียงคนเดินตามเข้ามาในห้องน้ำห้องข้างๆ รู้สึกถึงความไม่ปกติ เนื่องจากไม่ได้ยินเสียง ล็อกประตู และไม่ได้ยินเสียงถอดกางเกงหรือวางของ ซึ่งผิดวิสัยคนเข้าห้องน้ำทั่วไป
จนอีกฝ่ายก็ชะเง้อหน้าขึ้นมา และยิ่งตกใจเมื่อพบว่าเป็นตำรวจ ยืนยันว่าหน้าห้องน้ำดังกล่าวมีป้ายระบุชัดเจนว่าเป็นห้องน้ำหญิง ไม่ใช่ห้องน้ำรวมตามที่อีกฝ่ายอ้าง ยืนยันว่าไม่ขอไกล่เกลี่ย และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะถือเป็นการคุกคามทางเพศ โดยเฉพาะคนที่ทำเป็นตำรวจควรเป็นที่พึ่งประชาชน
ขณะที่ภายหลังการแถลงข่าว หมิวได้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมที่ สน.พหลโยธิน และได้มีการพบกับตำรวจคู่กรณีได้มีการพูดคุยกันแล้ว
หมิวเปิดเผยว่านายตำรวจคนดังกล่าวได้ขอโทษทึ่เข้าห้องน้ำผิด จนเป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด เขายืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะทำตามที่ถูกกล่าวหา และชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าในวันนั้นหลังเสร็จจะปฏิบัติภารกิจ จึงขับรถจากสโมสรตำรวจและ กำลังขับรถจะไปรับเพื่อน และระหว่างทางได้แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มดังกล่าว เนื่องจากปวดท้องมาก
ส่วนสาเหตุที่เข้าห้องน้ำหญิงเพราะพักผ่อนน้อย ทำให้เบลอ จึงไม่ทันได้ดู และ อ้างว่าระหว่างที่ไปเข้าห้องน้ำนั้นติดโซเชียล จึงทำให้ไม่ได้มีการถอดกางเกงทันทีทันใด และยืนยันว่าไม่ได้มีใครสั่งให้ติดตามตน
หลังจากที่ฟังคำชี้แจงจากอีกฝ่ายและเห็นสีหน้าท่าทางแล้ว ตนเชื่อเพียงแค่ 50-50 เพราะแม้จะ ดูจากท่าทางแล้ว แม้จะไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่ทำอะไรมีเจตนาอะไรแบบนั้น แต่ก็ยังมีบางประเด็นที่ตนยังติดใจอยู่ คือเรื่องของรถที่ขับมา หากเป็นรถตำรวจ ขับมาจอดพร้อมกับตอนที่ตนเข้ามาจอดที่ปั้ม ก็อาจเป็นไปได้ว่าติดตามตนมาตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตามในส่วนของการดำเนินคดี ก็ขอให้เป็นเรื่องขั้นตอนตามกฎหมาย ต่อไป แม้จะยังไม่เข้าข่ายข้อหาอนาจาร เพราะยังไม่มีการชะโงกหน้าเข้ามาในห้องน้ำของตน แต่ก็เข้าข่ายข้อหาความผิดลหุโทษ ทำให้หวาดกลัว ตกใจ ไม่ถึงขั้นคดีอาญา
ด้านพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หากพบว่าตำรวจนายนี้กระทำผิดจริงต้องดำเนินการทั้งวินัยและอาญา เพราะกลับกระทำผิดเสียเอง มีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ใครก็ช่วยไม่ได้.