ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แจงข่าวผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊ส 3 รายพยายามฆ่าตัวตายในคุก เผยนำตัวส่งรพ.ราชทัณฑ์แล้ว สาเหตุเกิดจากอาการเครียดเมียท้อง-ไม่มีงานทำ ส่วนยาพารานั้นขอเพื่อนๆจากกลุ่มเดียวกันแล้วรวบรวมเอาไว้ ยอมรับเป็นผบ.เรือนจำมา 8-9 แห่งยังไม่เคยเจอว่าผู้ต้องขังรวบรวมยาจำนวนมากขนาดนี้ ระบุสอบถามเบื้องต้นยอมรับเคยทำแบบนี้เมื่อมีอาการเครียด ย้ำเหตุการณ์ไม่ได้รุนแรงมากตามข่าว สงสัยว่าผู้ให้ข้อมูลสับสนเท็จจริงจากเหตุใด
27 มิ.ย.65 นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เปิดเผยว่า ผู้ต้องขังชายกลุ่มทะลุแก๊สเข้ามาที่เรือนจำทั้งหมด 11 คน เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อแรกรับจะต้องมาอยู่ที่แดน 2 ขังชายเพื่อกักโรคเป็นเวลา 10 วันซึ่งระหว่างนี้ได้มีนักจิตวิทยามาประเมินพบว่าทุกคนสามารถปรับตัวได้
ตนได้รับการรายงานแจ้งเหตุจากพัสดีที่เข้าเวรในวันเกิดเหตุขึ้น 25 มิถุนายน เวลาประมาณ 21.00 น.เศษ ว่าเกิดเหตุผู้ต้องขังปวดท้องมาก ขณะที่อีก 2 รายได้มีบาดแผลที่หลังมือ ทั้งนี้ ตนจึงได้รีบเดินทางมายังเรือนจำเพื่อดูแลในการนำตัวผู้ต้องขังส่งไปยังรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสากล
โดยในเวลาต่อมาจากการพูดคุยกับผู้ต้องขังชายที่ชื่อพอพล ทราบว่าเจ้าตัวมีความเครียดเนื่องจากภรรยาได้ท้อง 2-3 เดือน ประกอบกับตนเองไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ และเมื่อ ถูกคุมขังก็ไม่ได้รับการประกันตัว ส่วนยาพาราเซตามอลที่เจ้าตัวบอกว่ากินเข้าไปประมาณ 20-30 เม็ดนั้น บอกว่าได้มาจากการขอจากเพื่อนๆ กลุ่มทะลุแก๊สที่รวมอยู่ในแดนเดียวกัน 10 คนและตัวเองทุกวันรวบรวมไว้
ส่วนผู้ต้องขังชายอีก 2 คนที่มีบาดแผลหลังแขนนั้น เป็นรอยแผล ถลอกคล้ายเวลาเราโดนหนามต้นไม้ขูดข่วน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนได้บอกว่าก่อนหน้านี้ที่จะเข้ามาเรือนจำ ก็เคยทำแบบนี้เมื่อเกิดอาการเครียด โดยทั้งสองคนระบุว่าเครียดและต้องการให้คนที่อยู่นอกเรือนจำได้เห็นใจที่ตนต้องถูกคุมขังในเรือนจำ
เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องขังชายกลุ่มทะลุแก๊สทั้ง 3 คนได้เกิดเหตุในระยะเวลาห่างกันเพียง 5 นาที อย่างไรก็ตาม เราให้การรักษาพยาบาลแล้วตนก็ได้พูดคุยกับผู้ต้องขังทั้ง 3 รายและให้คำแนะนำว่า การจะให้ประกันตัวหรือไม่ ต้องมีผู้ยื่นประกันตัวและ เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ควรที่จะก่อเหตุวุ่นวายใดๆ เพื่อจะเป็นผลดีถ้าหากมีการยื่นประกันตัว
“การเกิดเหตุที่ต้องผู้ต้องขังเครียดแล้วถึงขั้นเคยกรีดข้อมือด้านหน้า จนถึงขั้นเลือดออกนั้นเคยเจอมา แต่จากประสบการณ์ที่ตนเป็นผู้บัญชาการเรือนจำมา 8-9 แห่งยังไม่เคยเจอว่าผู้ต้องขังรวบรวมยาพาราจำนวนมากขนาดนี้เพื่อที่จะกินเมื่อเกิดความเครียด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊สครั้งนี้ไม่ได้รุนแรง มากตามข่าว ซึ่งก็สงสัยว่าผู้ให้ข้อมูลสับสนเท็จจริงจากเหตุใด”ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ระบุ