วันที่ 28 ม.ค.2565 เวลา 09.30 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี , นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี , บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) , บริษัท สยามสปอร์ต ชินดิเคท จำกัด (มหาชน) , นายระวิ โหลทอง กรรมการผู้บริหารบริษัท สยามปอร์ตฯ เป็นจำเลยที่ 1 – 6 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อม.2/2565โดย ป.ป.ช.กล่าวหาว่า ระหว่างปลายเดือน ส.ค.2556 – 12 มี.ค.2557 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ปฏิบัติ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต มิให้มีการแข่งขันราคาจัดจ้างโครงการ Roadshow “สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020” อย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ กล่าวคือ จำเลยที่ 1 – 3 กำหนดตัวบุคคลผู้รับจ้างไว้ล่วงหน้าให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับจ้าง จัดทำโครงการ Roadshow “สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020” จำนวน 12 จังหวัด โดยยังไม่ได้คัดเลือกผู้เสนอราคา โดยจำเลยที่ 3 เสนอ และ จำเลยที่ 1 อนุมัติใช้งบกลาง 40 ล้านบาท ทั้งที่มิใช่กรณีจำเป็นหรือเร่งด่วน ต่อมาจำเลยที่ 3 เสนอจำเลยที่ 2 อนุมัติหลักการจัดโครงการที่จังหวัดหนองคาย และนครราชสีมา ในวงเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท โดยวิธีพิเศษ จำเลยที่ 3 ครอบงำจูงใจให้คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษยอมรับการเสนอราคาของจำเลยที่ 4 หลังจากนั้นจำเลยที่ 3 เสนอ และจำเลยที่ 2 อนุมัติจ้างย้อนหลังส่วนโครงการที่เหลืออีก 10 จังหวัด วงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท จำเลยที่ 3 เสนอจำเลยที่ 2 อนุมัติหลักการจัดโครงการโดยวิธีพิเศษ ต่อมาจำเลยที่ 2 อนุมัติตามที่จำเลยที่ 3 เสนอให้จ้างจำเลยที่ 4 และที่ 5 ตามที่ตกลงไว้ล่วงหน้า ทั้งจำเลยที่ 3 ยังเสนอคณะรัฐมนตรีขอให้มีมติยกเว้นการลงนามในสัญญาก่อนได้รับเงินประจำงวด จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งอยู่ในที่ประชุมได้ลงมติอนุมัติด้วย
ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นผลให้โครงการที่จะเกิดขึ้นตามร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มิอาจเกิดขึ้นได้ โครงการ Roadshow เกิดความสูญเปล่า เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเป็นเงิน 239,700,000 บาท
โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 , 13 ลงโทษจำเลยที่ 4 ถึงที่ 6 ในฐานะผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 2 , ที่ 3 , ที่ 5 และ ที่ 6 มาศาล และได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งว่าจะประทับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 19 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น.