#ยึดตามศาสตร์พระราชา! นายกฯปลื้มไม่ติดบัญชีขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมเร่งแก้ปัญหายากจน

นายกรัฐมนตรี ฟุ้งผลงานรัฐบาลดีต่อเนื่อง ปลื้มไม่มีชื่อติดบัญชีขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เร่งแก้ปัญหายากจน ลดความเหลื่อมล้ำ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ยึดตามศาสตร์พระราชา

Inn – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ตามที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ออกรายงานทบทวนรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงทั่วโลก ประจำปี 2560 โดยไม่ปรากฏ ชื่อย่านการค้า ศูนย์การค้าในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการละเมิดสูง แม้แต่แห่งเดียว ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2550 ถึง 2559 แสดงถึงผลงานของรัฐบาลและ คสช. ที่ประจักษ์สู่สายตาประชาคมโลก ซึ่งการปรับสถานะของไทย ออกจากบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ และการไม่มีชื่อตลาดขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในรายงานฯ สหรัฐฯ นี้ ถือเป็นอีกสัญญาณที่ดี ในเรื่องความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ ต่อจาก กรณี “ไซเตส” ปรับไทยพ้นบัญชีค้างาช้างผิดกฎหมาย, การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ขยับขึ้นเทียร์ 2 แก้ปัญหาการบินพลเรือน ปลดธงแดง ICAO ได้ แก้ปัญหา IUU ประมงผิดกฎหมายจากใบแดง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของทุกฝ่าย และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเอาจริงเอาจัง และตรงไปตรงมา อันส่งผลดีต่อเนื่อง ในเรื่องภาพลักษณ์ สร้างความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตานานาชาติ และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ ที่พูดอยู่เสมอว่าหากเรารักษา “ความมั่นคง” ได้แล้ว “ความมั่งคั่ง” ก็จะตามมา เพียงแต่เราจะรักษาไว้อย่างยั่งยืนได้หรือไม่ ต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชนด้วย

นอกจากนี้ ผลสืบเนื่องทางบวกที่เกิดขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อมอื่นๆ อาทิ ตลาดหุ้นปิดตัวในแดนบวก กว่า 1,800 จุด ซึ่งสูงสุดในรอบ 30 กว่าปี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2560 สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ มากกว่า 35 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.8 ล้านล้านบาท ในขณะที่คนไทยเที่ยวไทยตลอดปีที่แล้ว 152 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ 9.3 แสนล้านบาท จนทำให้ธนาคารโลกออกรายงาน เมื่อปลายปี 2560 ว่าประเทศไทยกำลังก้าวพ้นจากความยากจนสู่ประเทศมั่งคั่งนั้น สะท้อนให้เห็นพัฒนาการเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มโอกาสในการลงทุนจากประเทศอื่นๆ ที่มองเห็นศักยภาพของประเทศไทย รวมถึงเอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมของประเทศไทยเราเอง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอีกด้วยดังนั้นจึงขอขอบคุณและขอชื่นชมในความพยายามของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงประชาชน เชื่อว่าหากเราร่วมกันคนละไม้ละมือก็จะสามารถร่วมกัน ยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศและสร้างพื้นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ดี ที่ถูกต้อง และเป็นสากล สอดรับการปฏิรูปประเทศในระยะต่อไปได้

สำนักข่าววิหคนิวส์