ไม่ให้คณะสงฆ์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในเชิงเสียดสี หรือมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม แต่สามารถทำได้ในกรณีใช้คติธรรมในเชิงสั่งสอน ตักเตือน โดยไม่ไปว่าร้ายเสียดสีใคร ส่วนกรณีพระสงฆ์สามเณรที่เข้าร่วมชุมนุมจะถือว่ามีความผิดถึงขั้นต้องให้ลาสิกขาหรือไม่เป็นอำนาจการพิจารณาของเจ้าคณะฝ่ายปกครอง
ทั้งนี้ย้อนกลับไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 พ.ย. 63 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ภาพพระสงฆ์ขึ้นปราศรัยในการชุมนุมที่เวทีศาลายา ในทวิตเตอร์ส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า
” ‘พระสงฆ์’ขึ้นเวทีที่ศาลายา ชี้พระสงฆ์ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ ถึงเวลาปฏิรูปกลับสู่ระบบ #สังฆสภา ถ้าสวัสดิการดี..คงไม่ต้องมาบวช #ม็อบ5พฤศจิกา #เราคือราษฎร”
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าว ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงเหตุผลของนายอนุสรณ์ที่บอกว่า ถ้าสวัสดิการดี..คงไม่ต้องมาบวช เพราะโดยหลักจริงๆตามหลักศาสนา บวชเพื่อสืบทอดพุทธศาสนา ทดแทนคุณพ่อแม่ และศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนเพื่อนำออกมาใช้ในชีวิตประจำวันหลังสึกออกมามากกว่าเรื่องปัญหาสวัสดิการ รวมถึงความเหมาะสมของการยุยงพระสงฆ์ให้มีบทบาททางการเมืองในรูปแบบดังกล่าว