วันนี้ (25 ต.ค.) เฟซบุ๊ก “ศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง” โพสต์ข้อความระบุว่ามาจาก รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุหัวข้อ “ที่ควรยกเลิกคือ ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์” ระบุว่า “ผมไม่แน่ใจว่ามาถึงปัจจุบันแล้วฟุตบอลประเพณีระหว่างสองมหาวิทยาลัยนี้มีความหมายอะไรแก่สังคมไทยบ้าง นอกจากการอวดอ้างถึงความยิ่งใหญ่ของสถาบันการศึกษาที่ตนสังกัดแก่สังคม
งานดังกล่าวต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อย โดยผลพลอยได้ซึ่งเป็นที่รับรู้กันบ้างก็คือ การแสดงความเห็นทางการเมืองผ่านขบวนล้อการเมืองหรือการแปรอักษร พอให้เป็นข่าวผ่านทางสื่อมวลชนเป็นกระแสในระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมาอาจเป็นข่าวมากหน่อยเนื่องจากมีความพยายามปิดกั้นจากอำนาจรัฐ เลยสามารถดึงดูดความสนใจจากสาธารณชน
แม้จะพอนำเสนอความเห็นต่อสาธารณะได้บ้าง แต่เอาเข้าจริงการปิดกั้นความเห็นกลับแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวางในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เฉพาะสองสถาบันนี้เท่านั้นแต่มันปกคลุมไปทั่ว การพยายามผลักดันให้การแสดงความเห็นอย่างเสรีควรเกิดขึ้นกับภาวะปกติและในพื้นที่ทุกแห่งน่าจะเป็นสิ่งที่มีความหมายมากกว่าหรือไม่
ไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันฟุตบอล เห็นรายชื่อก็รู้ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ล้วนมาจากนักฟุตบอลอาชีพที่มีสถานะเป็นนักศึกษา “ภาคบัณฑิต” ไม่ก็ “ภาคพิเศษ” ฟุตบอลประเพณีระหว่างสองสถาบันจึงไม่ใช่เรื่องของสองสถาบันจริงๆ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถไปดึงเอาตัวเก่งๆ มาลงได้มากกว่ากัน ผมจึงไม่เข้าใจว่ามันจะมีความสนุกหรือความหมายได้อย่างไร
ปัญญาชนอาวุโสเคยตั้งคำถามว่านอกจากฟุตบอลประเพณีแล้ว สถาบันการศึกษาในสังคมไทยเคยผลิตความรู้อะไรที่เป็นการต่อสู้หรือหักล้างความรู้ระหว่างกันอย่างจริงจัง กระทั่งกลายเป็น “School” ดังที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศหรือไม่ คำตอบที่คิดแบบเร็วๆ ก็คือ “นึกไม่ออก”
ในท่ามกลางการถกเถียงเรื่องควรยกเลิกการอัญเชิญพระเกี้ยวหรือไม่ ผมเสนอว่าที่ควรยกเลิกไปเลยก็คือ ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์”
อ่านโพสต์ต้นฉบับ