8 ส.ค. 2565 – นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังเข้าใจผิดเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี จึงบอกให้ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ความจริงท่านต้องรู้อยู่แก่ใจ อย่าไปใช้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาช่วยหาทางออกให้่ท่านเลย ท่านไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา158 ก็น่าจะทราบดี เด็ก ป.4 ยังเข้าใจได้ ประกอบกับ มาตรา 264 ก็ชัดเจน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ไปรับรองตำแหน่งนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ ในเดือนสิงหาคมปี 2557 และอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปอ่านคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ หน้า 275 อธิบายความมุ่งหมายของ มาตรา 158 ไว้เข้าใจง่าย การกำหนดระยะเวลา 8 ปี ไว้ก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไปอันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรอหรือพึ่งศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต. ช่วยตีความก่อน หากนายกฯ ยังไม่ประกาศลาออก รัฐสภาก็สามารถเตรียมจัดประชุมโดยอัตโนมัติเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ตามแคนดิเดตพรรคการเมืองที่เหลืออยู่ได้เลยในวันที่ 24 สิงหาคม 65 นี้เป็นต้นไป เพราะหากไม่กระทำก็จะเจอข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสภาพนายกฯ ไปโดยปริยายตามรัฐธรรมนูญแล้ว และหากนายกฯ ไม่ประกาศลาออกก็จะมีความผิดเช่นกัน ปวงชนชาวไทยผู้เสียหายสามารถเดินทางไปที่ สน.ใกล้บ้าน เพื่อแจ้งความเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทั่วประเทศได้เลย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และมีความผิดทางอาญา มาตรา 157” นายเมธา ระบุ
โดยการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษานั้น ต้องบังคับใช้กฎหมายและกฏหมายรัฐธรรมนูญด้วยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 ที่บัญญัติว่า ผู้พิพากษาและตุลาการย่อมมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา เจ้าพนักงานตำรวจ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ย่อมต้องนำบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับรูปคดีในความผิดทางอาญามาบังคับใช้ในสำนวนคดีของตนด้วย หากการกระทำของบุคคลใดขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแล้วเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายอาญา และนำเสนอการกระทำที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในส่วนของมาตราที่เกี่ยวข้องประกอบเข้ากับรูปคดีทางอาญาให้ปรากฏในสำนวนเพื่อเสนอไปยังผู้พิพากษา เพื่อให้ผู้พิพากษาบังคับใช้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญร่วมกับตัวบทกฎหมายอาญาฉบับอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
เลขาฯ ครป. กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ต่อ โดยอ้างเหตุว่าไม่รู้รัฐธรรมนูญหรืออ้างว่าศาลยังไม่มีคำตัดสินก็ล้วนเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ก็ได้บัญญัติว่า การกระทำใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินต่อก็จะเป็นนายกฯ เถื่อนและคณะรัฐมนตรีเถื่อนทั้งคณะ เนื่องจากใช้อำนาจมิชอบตามรัฐธรรมนูญ
“เรื่องนี้หวังว่ารองนายกฯ วิษณุ จะช่วยเตือนนายกฯ อย่างจริงจัง ท่านอาจจะต้องลาออกก่อนเพื่อส่งสัญญาณที่แท้จริง และคณะรัฐมนตรีจะต้องรู้สถานะของตัวเองด้วยตามวาระของนายกฯ ควรจะแสดงสปริตลาออกเพื่อกดดันนายกฯ ก่อนจะมีความผิดร่วม นอกจากนี้การที่พรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงล่าสุดพรรคใหม่ของคุณแรมโบ้ ออกมาหาเสียงว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ ต่อในสมัยหน้า ก็ล้วนขัดกับรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน พรรคใดๆ ไม่สามารถหาเสียงโดยชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัยได้ ผมกลัวว่าจะมีคนไปยื่นเรื่องยุบพรรคการเมืองของคุณแรมโบ้ก่อนจะได้คลอดเสียอีก เพราะตั้งใจหาเสียงทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง ย่อมจะเป็นพรรคการเมืองที่ใช้ไม่ได้” นายเมธา กล่าว.