แรงงานชาวเบลเยียมราว 70,000 ถึง 80,000 คน เดินขบวนทั่วกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันจันทร์ (20 มิ.ย.) เรียกร้องรัฐบาลจัดการกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ในขณะการผละงานประท้วงหนึ่งวัน ณ สนามบินบรัสเซลส์ และเครือข่ายคมนาคมท้องถิ่นทั่วประเทศ ทำระบบขนส่งมวลชนแทบหยุดชะงัก
พวกผู้ประท้วงโบกธงและชูป้ายข้อความ “ให้ความเคารพมากกว่านี้ ค่าแรงเพิ่มขึ้น” และ “เลิกภาษีสรรพสามิต” บางส่วนจุดพลุไฟ บางส่วนตะโกนเรียกร้องรัฐบาลดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนที่เหลือบอกว่าพวกนายจ้างจำเป็นต้องเพิ่มค่าแรงและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน
บรรดาสหภาพแรงงานระบุว่า มีผู้เข้าร่วมประท้วงราว 80,000 คน อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจให้ตัวเลขที่ประมาณ 70,000 คน
ท่าอากาศยานบรัสเซลล์เผยว่าไม่สามารถอนุญาตให้เที่ยวบินโดยสารเดินทางออกไปได้ สืบเนื่องจากการผละงานประท้วงในวงกว้างครอบคลุมถึงบุคลากรที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัย ส่วนเที่ยวบินขาเข้าเกือบทั้งหมดก็ถูกยกเลิกเช่นกัน
อีกด้านหนึ่งบรรดาบริษัทขนส่งสาธารณะท้องถิ่นยังคงแล่นบริการประชาชน แต่เป็นไปในลักษณะที่จำกัดมากๆ ในนั้นรวมถึงขบวนรถไฟในบางเส้นทาง ส่วนหนึ่งเพื่อเปิดทางให้พวกผู้ประท้วงมารวมตัวกันในเมืองหลวง
อัตราเงินเฟ้อของเบลเยียมพุ่งแตะระดับ 9% ในเดือนมิถุนายน สะท้อนราคาที่พุ่งสูงเหมือนกับที่อื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลกระทบจากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทาน ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์
อาเล็กซันเดอร์ เดอ โกร นายกรัฐมนตรีเบลเยียม อ้างว่าแรงงานเบลเยียมได้รับการปกป้องคุ้มครองดีกว่าแรงงานในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ สืบเนื่องจากการปรับขึ้นค่าแรงชดเชยเงินเฟ้อ นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่ารัฐบาลยังได้ลดหย่อนเก็บภาษีการขายก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้าและเชื้อเพลิง ไปจนถึงสิ้นปี
อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่าการเดินทางน่าจะประสบความวุ่นวายอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ หลังนักบินและลูกเรือของสายการบินบรัสเซลส์ แอร์ไลน์ส มีแผนผละงานระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน เพื่อประท้วงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงาน ส่วนนักบินและลูกเรือของไรอันแอร์ ในเบลเยียม ก็มีแผนประท้วงเช่นกันเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน
สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซีย รายงานว่าพวกผู้ประท้วงหลายคนประณามพันธมิตรนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ในความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครน และหลายคนเชื่อมโยงความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจของพวกเขากับมาตรการคว่ำบาตรของอียูที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย รวมถึงกรณีที่พันธมิตรนาโต้เร่งรีบส่งมอบอาวุธแก่ยูเครน
พวกผู้ประท้วงเรียกร้องบรรดาผู้นำว่า “ทุ่มเงินไปที่การจ่ายเงินเดือน ไม่ใช่อาวุธ” พร้อมกับตะโกนว่า “หยุด นาโต้”
เมื่อเร็วๆ นี้ได้เกิดการประท้วงทั่วยุโรป ต่อต้านค่าครองชีพที่พุ่งสูง ในนั้นรวมถึงสมาชิกสหภาพแรงงานหลายพันคนเดินขบวนในกรุงลอนดอนเมื่อวันเสาร์ (18 มิ.ย.) ในนั้นบางคนกล่าวโทษราคาที่สูงขึ้นไปที่นาโต้และพันธมิตร
การเดินขบวนในครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียง 3 เดือนตามหลังการชุมนุมเรียกร้องให้อียูตัดขาดการตัวเองจากการพึ่งพิง “น้ำมันของปูติน” แถมไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ยังมีการรวมตัวกันบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภายุโรป เรียกร้องให้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงเล่นงานรัสเซีย
บรัสเซลส์ เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของทั้งอียูและนาโต้ นอกจากนี้ มันยังเป็นเมืองที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เลือกใช้สำหรับแถลงเปิดตัวมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียในเดือนมีนาคม
แม้มีการคาดการณ์ในเดือนเมษายน ว่ามาตรการต่างๆ เหล่านั้น “จะกวาดล้างรายได้ทางเศรษฐกิจของรัสเซียในช่วง 15 ปีหลังสุด” แต่ความเป็นจริงคือรายได้ทางพลังงานของรัสเซียแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และสกุลเงินรูเบิลแข็งค่าสุดในรอบ 7 ปีเมื่อเทียบกับยูโร
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เย้ยหยันประเทศต่างๆ ในยุโรปว่ากำลังฆ่าตัวตายทางเศรษฐกิจผ่านมาตรการคว่ำบาตร และคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วว่า นโยบายคว่ำบาตรเหล่านี้จะก่อความสูญเสียโดยตรงแก่อียู มากกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
(ที่มา : รอยเตอร์/อาร์ทีนิวส์)