20 ก.ย.2565- นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนกรอบระยะเวลา 180 วันก่อนครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 23 มี.ค.2566 ที่ผู้สมัคร และพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้หลังวันที่ 24 ก.ย. ไม่สามารถแจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนได้นั้นว่า เราอยู่ในยุคสุญญากาศที่รัฐบาลทำงานได้ไม่เต็มที่ เมื่อก่อนรัฐบาลบอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
แต่สภาพรัฐบาลรักษาการตอนนี้ นายกฯที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ล้มสะดุดหัวคะมำเสียอาการ รักษาการนายกฯลุกขึ้นมาใส่กางเกงยีนส์ลงพื้นที่หาเสียง เกิดคำถามว่าจะมีใครเหลือสมาธิมาทำงาน ถ้ารัฐบาลมีสภาพเป็ดง่อย ประชาชนคงต้องบอกว่าจำเป็นต้องทิ้งรัฐบาลไว้ข้างหลัง กกต.ยังมาก่อนกาล ทำงานเร็วกว่ารัฐบาล เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน พล.อ.ประยุทธ์ จะมีชะตากรรมอย่างไร ต้องพ้นไปหรือได้กลับมา ไม่มีใครรู้ แต่คนที่เหลืออยู่ต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ เศรษฐกิจไทยแย่มานาน โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง ปลายอายุรัฐบาล เศรษฐกิจไทยอ่วม ปัญหาเงินเฟ้อ วิกฤตราคาพลังงานค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟ พาเหรดกันขึ้นราคา ค่าครองชีพพุ่งสูง คนตกงาน ประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม มาตรการที่นำกลับมาใช้อย่างเช่นคนละครึ่ง คนเข้าถึงน้อย และไม่ได้รับความสนใจ เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ทุกปัญหาทำประชาชนเดือดร้อน รอเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก หรือ รอสภาวะสุญญากาศการเมืองคลี่คลายไม่ได้ รัฐบาลบอก 30 กันยายน 2565 คนจนหมดประเทศ แต่ถึงตรงนี้นอกจากคนจนไม่หมดกลับเพิ่มขึ้น 4 ปีรัฐบาลทำคนจนพุ่ง 20 ล้านคน ไม่รู้ว่าระหว่างคนจนหมดไปกับพล.อ.ประยุทธ์ พ้นไป สิ่งไหนจะเกิดขึ้นก่อนกัน
- “รัฐบาลเหมือนไก่ที่จิกตีกันอยู่ในเข่งรอถูกเชือด สะกดคำว่าเสถียรภาพไม่เป็นกันแล้ว สถานการณ์ง่อนแง่นโคลงเคลง ไม่ใช่เพราะความไม่ชัวร์ในชะตากรรมของพล.อ.ประยุทธ์ แต่เพราะต่างพรรคต่างหนีตายเตรียมสละเรือ จากเรือเหล็กเป็นเรือกำลังจะจมลงก้นทะเล ประชาชนถูกลอยแพ ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ก็ลาออกไป” นายอนุสรณ์ กล่าว