ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ยุ3 ป.แตกกันเอง ! เพื่อไทย อ้าง 3 ป.ลงพื้นที่แค่จัดฉากการเมือง

#ยุ3 ป.แตกกันเอง ! เพื่อไทย อ้าง 3 ป.ลงพื้นที่แค่จัดฉากการเมือง

22 September 2021
391   0

   22 ก.ย.2564 –  น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่า  ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้สร้างความสั่นคลอนให้กับเสถียรภาพของรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองอย่างหนัก เริ่มตั้งแต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลดคนใกล้ตัวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พยายามสร้างพลัง กดเบ่งในพรรคด้วยการดึงบริวารในวงล้อมตัวเองเข้ามาในพรรค ทั้งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่สามารถยึดพรรคพลังประชารัฐได้ น่าแปลกใจว่า ในช่วงนี้มีการรื้อฟื้นหลายคดีที่ถูกดองไว้ขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ทั้งกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ตั้งองค์คณะไต่สวน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกับพวกรวม 6 ราย  เหตุอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือกระทิงแดง ใช้ที่ดินป่าชุมชน ใน จ.ขอนแก่น 31 ไร่ ขยายเขตโรงงาน หรือแม้กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ The MATTER ชนะคดีฟ้อง ป.ป.ช.ที่ไม่เปิดเผยข้อมูลผลสอบ พล.อ.ประวิตร ยืมนาฬิกาเพื่อน ศาลสั่ง ป.ป.ช.ให้เผยผลสอบข้อเท็จจริงด้วย

“ขอให้ประชาชนจับตาดูการลงพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดเพชรบุรี และพระนครศรีอยุธยาในวันนี้ของทั้ง 3ป. เพราะจะเป็นการแบ่งขั้วทางการเมืองระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรอย่างชัดเจน ส.ส. และรัฐมนตรี ที่จะย้ายไปอยู่พรรคใหม่จะไปเพชรบุรีกับ พล.อ.ประยุทธ์  ส่วนที่ยังคงอยู่พรรคพลังประชารัฐจะไปอยุธยากับ พล.อ.ประวิตร ทั้งในความเป็นจริงแล้วการลงพื้นที่เพื่อดูปัญหาน้ำท่วม เป็นแค่การจัดฉากเพื่อเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น  นอกจากนี้ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เกิดน้ำท่วมหนักเป็นปัญหาเรื้อรัง แต่นายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกลับไม่สนใจ แม้แต่รัฐมนตรีแรงงานที่เป็นคนพื้นที่ชลบุรี ยังไม่สนใจในความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับไปให้ความสำคัญกับเกมการเมืองที่ ทั้ง 3 ป.กำลังวัดพลังสนับสนุนกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้ ไม่เคยมีประชาชนอยู่ในหัวใจตั้งแต่แรก  หากไม่มีปัญหาการเมืองในพรรคคงไม่ลงพื้นที่แย่งซีนกันเอง สุดท้ายคนที่รับกรรมคือประชาชน ที่ยังต้องทนอยู่ในถุงดำของประเทศครอบไว้จนแทบจะขาดอากาศหายใจ ขาดอนาคต ขาดความหวัง ขาดการมีชีวิตที่ดี  อนาคตมืดมนไร้หนทาง”