ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำคณะตรวจเยี่ยมสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และตรวจความพร้อมแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร อ.เมืองสุมทรปราการ จ.สมุทรปราการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการตรวจระบบแรงดันน้ำครั้งแรกของเราตั้งแต่ปี 2557 ก่อนหน้านั้นมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมอยู่หลายพื้นที่ ซึ่งคงไม่ได้ไปโทษใคร เพราะมันผ่านมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้ไปตรวจเยี่ยมสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี หารือเรื่องเวชกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการผลิตแพทย์ พยาบาล และถือว่าที่นี่เป็นองค์การขนาดใหญ่และมีผลงานเป็นที่ปรากฏ ต้องขอบคุณที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ซึ่งช่วยได้มาก จากผู้ป่วยพันหลายพันก็ลดลงไปเรื่อยๆ ผู้ที่อาการหนักที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจก็ลดลง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรายังไม่นิ่งนอนใจ วันนี้เราจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งเทคโนโลยีและด้านดิจิทัลต่างๆ ถ้ามีอะไรต่างๆ เสนอมา ตนก็จะเพิ่มเติมให้
ส่วนเรื่องสะพานส่งน้ำ สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ ถือเป็นที่ระบายน้ำหลัก วันนี้ได้คุยกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน ถือว่าสถานีระบายน้ำแห่งนี้ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมได้มากพอสมควรในระดับหนึ่ง ส่วนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องบริหารพื้นที่ไป นอกจากนี้จะต้องดูว่ามีเครื่องกีดขวางในการระบายน้ำอย่างไร และต้องวางแผนกับ สนทช. ในการบริหารจัดการเรื่องน้ำ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีระบบหมุนน้ำดีเพียงพอเท่าไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย เพราะหลายประเทศก็เกิดปัญหาน้ำท่วม ประเทศที่มีรายได้สูงก็มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม จึงกำชับไปว่าขอให้ระวังและมองอนาคตไว้ด้วย ถ้าวันหน้ามันมากกว่านี้ด้วยสถานการณ์ภูมิอากาศโลกมากขึ้น ต้องมองปัญหาในระยะยาว และร่วมมือกันไว้กับหลายประเทศ หลายภูมิภาค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐบาล ท้องถิ่น และ ส.ส.ในพื้นที่ ยืนยันว่า ตนต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ว่าที่ไหนจะเป็นพื้นที่ของใครก็แล้วแต่ ตนก็จะมาให้ทุกที่ วันหน้าจะปรับแผนงานของตนให้ลงพื้นที่ให้ได้ และจะรับฟังความคิดเห็นจากบรรดา ส.ส.ของท่านในการดูแลประชาชน และเราต้องคำนึงถึงจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย รัฐบาลทำหน้าที่แบบนี้ ในวันนี้รับฟังหลายช่องทางอยู่แล้ว ทั้งช่องทางผู้ว่าราชการจังหวัด ในสภา และรัฐบาลจำเป็นต้องมีแผนงานที่รัฐจะต้องทำในโครงการที่มันใหญ่หน่อย ในส่วนที่เล็กกว่านั้นก็จะเป็นเรื่องของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะต้องบริหารในระดับพื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ตนดูแลทุกพรรคการเมือง เพราะตนดูแลประชาชนเป็นรัฐบาลของประชาชนขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วยว่าสิ่งใดๆ ก็ตามที่เสนอมาตนก็รับไว้ และไปดูว่าคุณจะทำอย่างไร แค่ไหนอย่างไร ทำได้หรือไม่ได้ กฎหมายว่าอย่างไร งบประมาณมีหรือไม่ ตนอาจผิดหรือไม่ ทำเองก็ให้มันสุจริต โปร่งใส รัฐบาลต้องทำให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ
“ฝากไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และทุกกระทรวง ขอให้ดูแลนโยบายที่นำเสนอมาโดย ส.ส.ที่อยู่ในคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ต้องรับแผนงานของ ส.ส.มาบริหารด้วย ในพื้นที่ไม่ว่าของใครก็ตามให้ความเป็นธรรมในพื้นที่ เพราะว่ามันเป็นคำตอบให้กับประชาชนในพื้นที่ถูกต้องไหม เนอะก็น่าจะคิดไม่ผิด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่ปรับ และให้เป็นเรื่องกลไกของพรรค
เมื่อถามว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลงจะแต่งตั้งคนใหม่เข้ามาทดแทนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า มีคนทำงานอยู่แล้วไม่ต้องห่วง เขารักษาการกันอยู่แล้ว และเป็นการบริหารราชการที่ได้มอบหมายไปแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อถามว่าต่อไปจะเข้าไปดูแลปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปดูแลอย่างไร และจะดูได้แค่ไหน วันนี้ฟังพวกท่านอยู่แล้วที่มีการตอบกระทู้กันอยู่ทุกวัน และนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงว่าในบางโครงการ ทำไมถึงทำไม่ได้ ไม่ว่าจะของใครก็แล้วแต่ ถ้ามันจำเป็น ก็ต้องหาทางดำเนินการให้ได้
เมื่อถามถึงควาชัดเจนของกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ใครลาออก ไม่มีใครน้อยใจขนาดนั้น”
เมื่อถามย้ำว่า จะทำอย่างไรให้ระยะห่าง ส.ส.กับนายกรัฐมนตรีลดลง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็นี่ไง มาหาแล้ว บอกแล้วจะไปเยี่ยมเยียนในเวลาที่เหลืออยู่ ที่ผ่านมาเราก็ไปหาในรูปแบบของกลุ่มจังหวัด รับเรื่องของทุกคนมาพิจารณาว่าอะไรทำได้ หรือไม่ได้ ถูกตรงไหน ผิดตรงไหน ก็แนะนำกันไป และจะหางบประมาณให้เพียงพอ”
เมื่อถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีจะสวยบข่าวความแตกแยกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ เดินออกจากโพเดียมพร้อมโบกมือและกล่าวว่า “ไม่มีแตกแยก ไม่มี”