บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เผย รวบต้องสงสัยเหตุเผารถทัวร์บันนังสตา ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เชื่อฝีมือคนร้ายกลุ่มเก่าในพื้นที่จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายแต่งกายคล้ายทหาร บุกยึดรถทัวร์สายเบตง-กรุงเทพ ก่อนที่จะไล่ผู้โดยสารลงจากรถ โดยไม่มีการทำร้าย แล้วจุดไฟเผารถได้รับความเสียหายทั้งคัน เหตุเกิดบนถนนสาย 410 (บันนังสตา-เบตง) หมู่ 5 บ.กาโสด ต.บันนังสตา รอยต่อ บ.คลองน้ำขุ่น ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 17 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 60 เวลา 13.00 น. Thainews เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยพบว่าที่บริเวณตัวรถ มีร่องรอยกระสุนปืนจำนวนมาก รวม 35 แห่ง นอกจากนั้นยังตรวจพบปลอกกระสุนปืน เฮชเค และปลอกกระสุนปืน .38 ซุปเปอร์ ตกอยู่ที่เนินด้านข้างริมถนน จำนวนมาก จึงเก็บรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะนำปลอกกระสุนที่พบไปตรวจสอบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเคยนำไปใช้ก่อเหตุในเหตุการณ์ใดบ้าง
ต่อมาเวลา 13.30 น.ที่ห้องประชุม สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา พลตำรวจโทรณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พลตำรวจตรีกฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อติดตามความคืบหน้าด้านคดี
พลตำรวจโทรณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจหลักฐานในที่เกิดเหตุ และได้พยานหลักฐานที่สำคัญจำนวนหนึ่ง ก็มีกลุ่มที่ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในระหว่างการรอผลพิสูจน์ทราบทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อน ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เชิญตัวมาซักถามนั้น ก็ให้การมีประโยชน์ ที่สามารถสืบสวนสอบสวนต่อไปได้ ส่วนประเด็นที่รถทัวร์คันนี้ เคยประสบเหตุระเบิดเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ก็ให้เจ้าหน้าที่นำข้อมูลหลักฐานในคดีเก่า มาหาความเชื่อมโยง แต่ในเบื้องต้นก็ยังไม่พบความเชื่อมโยง ซึ่งตนเองให้พนักงานสอบสวนกลับไปเริ่มสอบสวนใหม่ จากพยานหลักฐาน พยานที่เกิดเหตุ และมีคนที่ควบคุมตัวเอาไว้ซึ่งให้การเป็นประโยชน์ และอีกส่วนหนึ่งคือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่รวบรวมได้จากที่เกิดเหตุ ซึ่งวันนี้ก็ยังพบหลักฐานเพิ่มขึ้นพอสมควร
“การก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย ตนเองวิเคราะห์ถึงจุดประสงค์ของคนร้าย เมื่อเปรียบเทียบการก่อเหตุในครั้งก่อนๆ ก็มักจะทำร้ายพี่น้องประชาชน แต่ในครั้งนี้ไม่ได้ทำร้ายประชาชน จึงได้มองไปในหลายๆมิติ ว่าจะเป็นการฝึกแนวร่วมกลุ่มใหม่หรือเปล่า การทำลายเศรษฐกิจ หรือผลประโยชน์ในเรื่องของรถทัวร์ ซึ่งกำลังลงไปในรายละเอียด ที่ทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงกันได้ ว่ามาเกี่ยวโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้อย่างไร” ผบช.ภ.9 กล่าว
พลตำรวจโทรณศิลป์ ยังกล่าวอีกว่า พื้นที่อ.บันนังสตา เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าเขา งานด้านการข่าวก็มีมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถจับกุม ควบคุมตัวได้ ก็อาจจะเป็นการตอบโต้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุก็เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดิม รวมกับกลุ่มใหม่ ที่เข้ามาเสริม
มีรายงานจากชุดสืบสวนระบุว่า หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมผู้ต้องสงสัยเอาไว้ 1 ราย ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ โดยนำมาซักถามในเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวให้การเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนเป็นอย่างมาก รวมทั้งแนวทางการสอบสวนยังย้อนกลับไปในคดีเก่าเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2557 ที่รถทัวร์คันเดียวกันนี้ เคยถูกลอบวางระเบิดได้รับความเสียหายมาแล้วในพื้นที่ ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตงจ.ยะลา ซึ่งในครั้งนั้นก็พบว่า ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และ พนักงานขับรถก็เป็นคนเดียวกันกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยชุดสืบสวนกำลังหาความเชื่อมโยงของทั้งสองคดีว่า เกี่ยวข้องกันหรือไม่ หรือเป็นแค่เหตุบังเอิญ
“สำหรับรอยกระสุนที่พบบนรถทัวร์จำนวนมากนั้น จากการสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า หลังจากที่กลุ่มคนร้าย ให้ผู้โดยสารลงจากรถทั้งหมดแล้ว คนร้ายก็ได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่รถ ก่อนที่จะมีคนร้ายวิ่งข้ามถนนมาอีกฝั่ง เพื่อหยิบขวดน้ำมัน ที่ร้านค้าจำหน่ายน้ำมันแบ่งใส่ขวดขายปลีก กลับไปราดที่รถ แล้วจุดไฟเผา ซึ่งกลุ่มคนร้ายทั้งหมดสวมผ้าคลุมไอโม่ง แต่งกายคลายทหารพราน และบางคนสวมเสื้อเกราะกันกระสุน” ชุดสืบสวน ระบุ
สำนักข่าววิหคนิวส์