รองโฆษก ตร.โต้เพจCSI LA ชี้ “ผบ.ตร.” บินเกาหลีให้กำลังใจนักกีฬาฯในฐานะที่ปรึกษา กก.โอลิมปิก ปัดใช้เวลาราชการและงบ ตร.โยนฝ่ายกฏหมายพิจารณาเอาผิด
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่เพจ CSI LA ลงข้อความเกี่ยวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในลักษณะบิดเบือนสร้างความสับสนให้กับสังคม ขอชี้แจง ดังนี้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางไปให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทย ที่อยู่ระหว่างการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาว ครั้งที่ 23 ที่เมืองพยองชางประเทศเกาหลี เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา โดยการเดินทางดังกล่าวร่วมคณะไปกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ใช้งบประมาณของโอลิมปิกสากล โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่อย่างใด
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษ หักพาล รอง ผบช.ทท. ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยในครั้งนี้ ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ การเดินทางไปยังใช้เวลาในช่วงวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เป็นระยะเวลาสั้น เพียงหนึ่งคืนไม่เสียเวลาราชการแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นการเดินทางไปเที่ยวหรือพักผ่อนหรือผลาญงบประมาณตามที่ปรากฏในเพจดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมระบุการเดินทางไปครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจนักกีฬาไทย ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาระดับโลก คือนักเล่นสกีจำนวน 4 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในการให้กำลังใจและสนับสนุนผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกันควรจะร่วมยินดีกับนักกีฬาตัวแทนประเทศไทยในครั้งนี้
นอกจากการให้กำลังใจนักกีฬาในครังนี้แล้ว ผบ.ตร.ยังถือโอกาสศึกษาการรักษาความปลอดภัยการจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ซึ่งใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเกาหลีจากหลายภาคส่วน ซึ่งถือได้ว่าเป็นประสบการณ์อันดีที่จะได้นำรูปแบบการรักษาคสามปลอดภัยและการคัดกรองบุคคลแลพยานพาหนะมาปรับใช้กับประเทศไทยในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้แนวคิดในการติดตั้งอุปกรณ์การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในจุดสำคัญๆ ต่างๆ เช่น สถานีรถโดยสาร สถานีรถไฟฟ้า สนามบิน และสถานที่ๆมีประชาชนเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก เพื่อนำแนวคิดมาปรับใช้ และยกระดับมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยของไทย ในการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลก
รองโฆษก ตร. ยังกล่าวต่ออีกว่า การลงข้อความที่มีลักษณะบิดเบือนในลักษณะนี้ไม่ทราบว่า ทางเพจมีเจตนาแอบแฝงอะไร ต้องการสร้างความสับสน ความแตกแยก หรือความเกลียดชัง เพื่อก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีในสังคมหรืออย่างไร อยากให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะคนในวงการกีฬาร่วมกันร่วมกันประนามการกระทำดังกล่าว ที่มีลักษณะไม่สร้างสรรค์ ต่อสังคม และขอตั้งข้อสังเกตุว่ามีเจตนาอะไรในการลงข้อความที่บิดเบือนในลักษณะนี้ ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานใดหรือไม่ เพื่อจะดำเนินการทางกฎหมายในทุกมิติต่อไป
ที่มา mthai
สำนักข่าววิหคนิวส์