ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า ระลอก 2 มันหนักมาก
การระบาดของไวรัสที่กำลังหนักมากไปทั่วโลกยอดคนป่วยทะลุ 10 ล้านคนตายเกือบ 5 แสนราย บางประเทศ เช่น อินเดีย สหรัฐ ไม่มีเตียงเพียงพอที่จะรักษาคนไข้ สิงคโปร์ ที่ได้รับคำชื่นชมนัก ชื่นชมหนาในระยะแรกจากคนไทย ก็เอาไม่อยู่ จนนาย ลี เซียงลุง ประกาศยุบสภาและลาออก เพราะคุมสถานการณ์ไม่อยู่
ในหลายประเทศเกิดการชุมนุมประท้วง การเหยียดสีผิว ลุกลามบานปลาย ใหญ่โตจนเป็นการปล้นสะดม ก่อการร้าย ประกาศเขตปกครองตนเอง ไม่ยอมรับการบริหารของรัฐบาล จนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสในระลอกที่ 2 ตามมาดั่งที่ได้ประเมินไว้
ในไทยเกิดการชุมนุมต่อต้านทหาร สถาบันฯ โดยใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือ หวังจะปลุกกระแสการต่อต้าน เกิดขึ้นเหมือนต่างประเทศ และให้เหมือนเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษา เอานักศึกษามาล่อให้เจ้าหน้าที่จับกุม และจะส่งคนเข้าสร้างสถานการณ์ เหมือนการทำร้ายเสธแดง เพื่อให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น แต่รัฐบาลไทยไม่หลงกล กลุ่มขบวนการต่อต้านชาติ
ฝ่ายต่อต้านชาติยังปรามาศเยาะเย้ย ว่า พลเอกประยุทธ์ จะเอาไม่อยู่กับโควิดระบาดระลอก2คนไทยจะตายเป็นเบือ จะแก้เศรษฐกิจไม่ได้ จนปัญญาต้องมี 4 กุมารอยู่ต่อไป ใครๆก็ไม่เอาด้วย เชิญคนดีๆก็ไม่มา ขยะแขยง ไม่อยากคบค้าด้วย เพราะมีแต่พวกเลวๆอยู่ในรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ก็วิจารย์ว่า คุมโควิดไม่อยู่ รัฐบาลเฮงซวย รัฐบาลขอทาน ไร้ปัญญา สุดท้ายไทยรอดโควิดระลอกที่ 1 มาได้ จนเป็นอันดับ 1 ของโลก เศรษฐกิจไทย กลับดีที่สุด และเป็นประเทศที่น่าเที่ยว น่าลงทุนที่สุดในโลก
ส่วนหนึ่งคือการมองการเมือง แค่ตามองเห็น เชื่อข่าวลือ เอาข่าวลือมาวิเคราะห์ และส่วนหนึ่งมาจากเจตนาต่อต้านชาติ เพื่อให้ฝ่ายตัวเองเข้ามาปกครอง
การดำเนินการในระลอกที่ 2 นั้น ได้ย้ำเตือนว่า หลัง 21 มิถุนายน2563 สถานการณ์จะหนักมาก จะหนักกว่าระลอกแรกมากมายนักตัวเลขคนป่วยทั่วโลกช่วงเดือนเมษายน อยู่ราวเพียง 1.5 ล้านคนแต่พอปลายมิถุนายน ตัวเลขทะลุ 10 ล้านคน ดั่งที่ได้ประเมินเชิงสถิติไว้
โดยส่วนใหญ่ไทยได้ดำเนินการ ในเชิงยุทธศาสตร์การเมืองการปกครองมาได้อย่างดีเยี่ยม ประชาชนให้สอบผ่านอ้างอิงจากซุบเปอร์โพล์ แต่ต้องปรับกลยุทธ์ในภาคปฏิบัติการ ด้วยการให้ศูนย์ควบคุมโควิด กลับมาออกแถลงการณ์รายวัน โดยปรับยุทธวิธีการแถลงข่าว ให้นำข้อมูลการติดเชื้อ การตายทั่วโลก และเอเซีย มาเทียบเคียงกับไทย
เพื่อให้ประชาชนทราบการเคลื่อนไหว อย่างถูกต้อง ไม่ฟังจากข่าวลือ อันเป็นการกระตุ้น การป้องกันตนเองของประชาชน และแถลงแนวนโยบายในการ เปิด–ปิด การผ่อนปรน มาตรการต่างๆรายงานให้ประชาชนได้ทราบ อันจะเป็นการชอบธรรมในการยังคงประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน
ขณะเดียวกันควร รายงานสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก ที่กำลังได้รับผลกระทบ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในไทย ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะงบ 4 แสนล้าน จะได้เข้าใจข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ไม่เกิดการบิดเบือน จนลามปามถูกกล่าวหาว่าจะโกงกินงบประมาณ เพื่อเอามาแก้ไขปัญหาโควิด
สงครามไวรัสที่สร้างขึ้นโดยมหาอำนาจ จะยาวนานไปจนกระทั้งถึงสิ้นปี 2563 หลังวันที่ 3 พฤศจิกายน หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แล้วเสร็จ สถานการณ์จึงจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
สิ่งเหล่านี้คือหลักการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ต้อง เข้าใจถึงอดีต ปัจจุบัน และต้องนำพาองค์การสู่ความสำเร็จในอนาคตไทยจะต้องเอาตัวรอดจากวิกฤติ สงครามไวรัสนี้ไปให้ได้ และต้องคงอันดับ 1 ของโลกให้ยาวนานที่สุด อันจะส่งผลดีต่อ สังคมเศรษฐกิจ การเมือง และการต่างประเทศ ในระยะยาว
“ ข้างหน้าคือความหวัง ข้างหลังคือบทเรียน “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
29 มิถุนายน 2563