นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้ดำเนินการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2566 (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2545 ที่ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติจัดเก็ฐข้อมูลและสถิติตัวเลข รวมทั้งสำรวจและสอบถามประชาชนเกี่ยวกับนโยบายหลัก ๆ ของรัฐบาล โดยเป็นการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 6,970 ราย ระหว่างวันที่ 17-31 ตุลาคม 2565 นั้น พบว่า ในประเด็นมาตรการ/โครงการที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน/หมู่บ้านมากที่สุด ผลสำรวจระบุ ได้แก่ (1) โครงการคนละครึ่ง (ร้อยละ 75.8) (2) โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ร้อยละ 69.9) (3) มาตรการลดค่าไฟฟ้า (ร้อยละ 59.2) (4) โครงการเราชนะ (ร้อยละ 25.1) และ (5) โครงการ ม.33 เรารักกัน (ร้อยละ 14.8)
ส่วนความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 42.1 (แบ่งเป็น พึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 7.7 และพึงพอใจมาก ร้อยละ 34.4) และพึงพอใจระดับปานกลางอยู่ที่ ร้อยละ 41 ขณะที่พึงพอใจในระดับน้อย-น้อยที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 14.7 และไม่พึงพอใจ ร้อยละ 2.2 ทั้งนี้ พบว่าประชาชนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี เช่นเดียวกับกลุ่มอาชีพเกษตรกรและกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้แก่ พ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้เกษียณอายุ นักเรียน นักศึกษา และผู้ว่างงาน มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
สำหรับความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศนั้น นายอนุชาฯ กล่าวว่า ผลสำรวจระบุประชาชนมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 35.4 แบ่งเป็นเชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 5.8 และเชื่อมั่นมาก ร้อยละ 29.6 ระดับปานกลาง อยู่ที่ร้อยละ 40.8 ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังมีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอยู่มาก แม้จะมีตัวเลขจากผลสำรวจบางส่วนที่ระบุเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศระดับน้อย-น้อยที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 20.6 และไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 3.2 ส่วนผลสำรวจเกี่ยวกับเรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อเป็นขวัญปีใหม่ในปี 2566 มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค (ร้อยละ 91.1) (2) ลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา (ร้อยละ 67) (3) แก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น ราคาพืชตกต่ำ จัดหาตลาดรองรับผลผลิต และราคาปุ๋ยแพง (ร้อยละ 30) (4) แก้ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ 23.4) และ (5) เพิ่มมาตรการ/สวัสดิการ/เงินช่วยเหลือเยียวยา เช่น โครงการคนละครึ่ง เพิ่มเงินผู้มีรายได้น้อย และเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา/ผู้พิการ
“จากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ดังกล่าว เป็นที่ยืนยันได้ว่านโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดนใจประชาชน ทั้งโครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการลดค่าไฟฟ้า โครงการเราชนะ โครงการ ม.33 เรารักกัน เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ซึ่งสถิติตัวเลขและข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้นำไปใช้ในการวางแผน กำหนดนโยบายและมาตรการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทปัจจัยภายในประเทศและนอกประเทศที่เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนมีความชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป”