วันนี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า การเจรจาหยุดยิงระหว่างสองชาติยูเครน และรัสเซียในครั้งแรกดูเหมือนจะไร้ผล เมื่อรัสเซียยังคงปฏิบัติการทางทหารอย่างดุเดือดต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยยิงขีปนาวุธถล่มเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่ในกรุงเคียฟมีทั้งเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงสัญญาณไซเรนดังทั่ว
.
อย่างไรก็ดี แม้ทหารรัสเซียจะตรึงกำลังอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางเหนือเพียง 30 กิโลเมตร แต่ต้องเผชิญการต้านทานที่แข็งแกร่งจากกองทัพยูเครน ทำให้ยังไม่สามารถบุกยึดได้ เช่นเดียวกับสถานการณ์ในเมืองเชอร์นิฮิฟ ซึ่งมีการสู้รบระหว่างสองฝ่าย จนทำให้บ้านเรือนจำนวนมาก และร้านค้าหลายแห่งเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ และขีปนาวุธ
.
ขณะที่ทางการยูเครนยังยืนยันว่ายังสามารถรักษาทั้งกรุงเคียฟ เมืองคาร์คิฟ และเมืองเชอร์นิฮิฟ เอาไว้ได้ สำหรับการเจรจาหยุดยิงระหว่างผู้แทนรัสเซีย และยูเครนปิดฉากลงแล้ว โดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ พร้อมเดินทางกลับเมืองหลวงของตนเองเพื่อหารือกันเองเพิ่มเติม แต่ตกลงที่จะเจรจากันรอบใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
.
ทั้งนี้ การเจรจาจัดขึ้น ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ในเมืองโกเมล ใกล้กับแม่น้ำปรือเปียต ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างเบลารุสกับยูเครน โดยรัฐบาลเคียฟยื่นเงื่อนไขของตัวเอง คือการร่วมกันหยุดยิงทันที เพื่อยุติการสู้รบที่ยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา และการที่รัสเซียต้องถอนทหารออกจากยูเครน ซึ่งรวมถึงบนคาบสมุทรไครเมีย และภูมิภาคดอนบาสด้วย
.
ด้าน สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ผู้ว่าการแคว้นได้เปิดเผยผ่านเทเลแกรมว่า กองทัพรัสเซียยิงถล่มฐานทัพยูเครนที่เมืองโอคตีร์กา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองคาร์คีฟ และกรุงเคียฟ ส่งผลให้ทหารยูเครนเสียชีวิตมากกว่า 70 นาย
.
ทั้งนี้ นายดมีโตร ซีไวต์สไก โพสต์ภาพขีปนาวุธที่ไหม้เกรียมอยู่ในอาคารขนาดสี่ชั้น ขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังค้นหาซากปรักหักพัง ต่อมาเขาได้โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า ทหารรัสเซียจำนวนมาก และชาวบ้านในพื้นที่บางส่วนถูกสังหารระหว่างการสู้รบดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามการความพยายามที่จะรุกคืบเข้ากรุงเคียฟ และความพยายามที่จะตีเมืองใหญ่ อย่าง เมืองคาร์คีฟ ของรัสเซีย
——————————-