นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ในหลายอุตสาหกรรมยังประสบปัญหาแรงงานขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง หลังทุกภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะแรงต่างด้าวที่ยังไม่กลับเข้าสู่ระบบ ทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม ซึ่งในส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างยังขาดอยู่หลายแสนคน
นายอิสระกล่าวว่า คาดว่าหลังจากนี้สถานการณ์จะเริ่มนิ่งหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมาตรการยกเว้นและปรับแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แรงงานประเทศเพื่อนบ้านที่ประสงค์จะทำงานสามารถทำงานต่อได้ และให้นายจ้างเริ่มยื่นบัญชีรายชื่อขึ้นทะเบียนแรงงานที่มีสถานะไม่ถูกต้อง สามารถขึ้นทะเบียนทำงานอย่างถูกกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ถือว่าช่วยบรรเทาได้ระดับหนึ่ง
นายอิสระกล่าวอีกว่า ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่อาจจะมีหลักฐานไม่ครบ ต้องลงทะเบียนทำให้ครบถ้วนและถูกต้อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทางผู้ประกอบการหรือนายจ้างจะให้ความร่วมมือพาแรงงานไปขึ้นทะเบียนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นที่นายจ้างต้องจ่ายด้วย เช่น การตรวจโรคโควิด
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวว่า บริษัทยังประสบปัญหาแรงงานขาดแคลนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2564 ทั้งแรงงานก่อสร้างและผู้รับเหมาทั้งรายกลางและรายย่อย เนื่องจากงานก่อสร้างมีมากขึ้น และแรงงานต่างด้าวกลับประเทศไปตั้งแต่มีโควิดมีปิดแคมป์ก่อสร้างถึงขณะนี้ยังไม่กลับเข้าสู่ระบบ ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโครงบ้านล่าช้าไปบ้างประมาณ 2 เดือน ซึ่งบริษัทได้บริหารจัดการโดยใช้ระบบโครงสร้างสำเร็จรูป จัดลำดับแบบบ้านขายดีมาก่อสร้างก่อนให้สอดรับกับตลาด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางการขาย
นายวงศกรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังรับรูปแบบการพัฒนาโครงการแนวราบให้สอดรับกับสถานการณ์ค่าไฟฟ้าอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยในปี 2565 จะติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลาง-บน ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปใน 3 แบรนด์ ได้แก่ เพอร์เฟคเพลส, เพอร์เฟคมาสเตอร์พีซ และเลค เลเจนด์ กว่า 10 โครงการ ประมาณ 2,000 หลัง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกบ้านเป็นอย่างดี ทำให้ในปี 2566 จะขยายไปยังโครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 6-10 ล้านบาท อีกกว่า 20 โครงการ จำนวนกว่า 4,000 หลัง เช่น แบรนด์เพอร์เฟค พาร์ค
“บริษัทได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด ในการบุกตลาดโซลาร์รูฟท็อป ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา โดยจะบวกราคาติดตั้งรวมเข้าไปในราคาบ้าน ส่วนความคุ้มทุนนั้น หากบ้านไหนที่อยู่กันเยอะและอยู่บ้านช่วงกลางวันจะคุ้มทุนเร็วประมาณ 5-6 ปี เพราะจะช่วยประกยัดค่าไฟฟ้าได้มาก เช่น 2,000 บาท/เดือน” นายวงศกรณ์กล่าว
นายวงศกรณ์ยังกล่าวถึงทิศทางดอกเบี้ยว่า ในครึ่งปีหลังนี้หนีไม่พ้นประเทศไทยจะต้องมีการปรับขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ขึ้นรุนแรงมาก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.75% โดยจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในส่วนต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการที่สูงขึ้น ผสมผสานกับเงินเฟ้อ และราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนก่อสร้างบ้านสูงขึ้นอยู่แล้ว 5-6% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และจะมีผลทำให้ราคาบ้านปรับขึ้นอีก 2-3% ในครึ่งปีหลังนี้ ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อบ้านในส่วนลูกค้าเก่าจะมีภาระค่าผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น เช่น 500-700 บาท/เดือน ส่วนผู้ซื้อใหม่จะซื้อบ้านราคาแพงขึ้นและมีภาระค่าผ่อนบ้านสูงขึ้นตามไปด้วย