ราเมศ โต้กลับ “ณัฐวุฒิ” บิดเบือน กล่าวข้อมูลเท็จสร้างความเข้าใจผิดสังคม
ตรงประเด็น – นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ได้ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์มีหลายประเด็น ว่า การออกมาพูดของนายณัฐวุฒิ เป็นการพูดบิดเบือน เป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น ใช้เพียงวาจาที่กลิ้งกลอก เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ได้ตั้งคำถามถึงนายณัฐวุฒิว่า ทำไมมาเคลื่อนไหวตอนนี้ ทั้งที่ตอนทำพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมทั้งจากพรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ก็ไม่เคยออกมาคัดค้าน
นายราเมศ กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ บอกว่าไม่เคยเห็นด้วยกับพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม คำพูดกล่าวดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะจากพยานหลักฐานที่มีอยู่จะเห็นได้ว่านายณัฐวุฒิ สนับสนุนพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมาโดยตลอด “ที่คุณพูด คุณให้สัมภาษณ์อย่าทำเป็นแกล้งลืม เคยให้สัมภาษณ์ถึงขนาดมีความประสงค์เพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร ได้กลับบ้าน” นายราเมศ กล่าวและว่าหลักฐานทั้งหมดมีอยู่ชัดเจนว่านายณัฐวุฒิได้สนับสนุนพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมอย่างไรบ้าง บางครั้งบางเวลาแค่เล่นละครหลอกประชาชน
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ออกมาบอก ที่นายณัฐวุฒิไม่ได้ไปเดินขบวนคัดค้านร่วมกับพรรคและพวกของนายอภิสิทธิ์ เพราะนายณัฐวุฒิรู้ว่าเป็นการเปิดประตูให้มีการรัฐประหารนั้น
ประเด็นนี้ตนเห็นว่าเป็นข้อมูลเท็จทั้งสิ้น เป็นไปไม่ได้ที่นายณัฐวุฒิ และพรรคเพื่อไทยจะมาคัดค้านกฎหมายล้างความผิดให้กับคนเผาบ้านเผาเมือง คนทุจริต เมื่อพวกของนายณัฐวุฒิเป็นคนเสนอ และช่วยกันแปรญัตติเป็นคนสนับสนุน
ส่วนที่นายณัฐวุฒิ บอกว่าการออกมาเคลื่อนไหวเมื่อปี 2556 เป็นการเปิดประตูให้มีการรัฐประหาร ก็เป็นเท็จทั้งสิ้น ตนขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกรัฐธรรมนูญ
แต่พรรคเพื่อไทยรัฐบาลเสียงข้างมากในสภา ขณะนั้นเป็นคนสร้างเงื่อนไขให้กับประเทศ ที่ทหารออกมาปฏิวัติ ไม่มีใครไปเปิดประตูให้ เหตุเพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ยึดหลักประชาธิปไตย ฝ่ายบริหารรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยออกนโยบายที่เตรียมมาเพื่อวางแผนในการคดโกงงบประมาณแผ่นดิน เช่น โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีคำพิพากษา ชัดเจนว่ามีการทุจริตกันอย่างเป็นระบบ บริหารราชการแบบ เลือกปฏิบัติมีการทุจริตงบประมาณแผ่นดินอย่างมากมาย ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง ใช้อำนาจกลั่นแกล้งคนอื่นส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ใช้เสียงข้างมากข่มเหงเสียงข้างน้อย ใช้เสียงข้างมากออกกฎหมายล้างผิด ออกกฎหมายกู้เงิน สองล้านล้าน แก้รัฐธรรมนูญ 4 ครั้ง เพื่อให้พวกของตนได้ประโยชน์
นี่คือผลงานของพรรคเพื่อไทยและพวก ของคุณณัฐวุฒิทั้งสิ้น พอต่อมาศาลตัดสิน ก็ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการมิหนำซ้ำยังมีการทำลายล้างอำนาจตุลาการที่พวกคุณวิ่งเต้นและแทรกแซงไม่ได้” รองโฆษกพรรคฯ กล่าว
ส่วนเรื่องที่พรรคไม่ลงเลือกตั้ง 2 ครั้ง นายอภิสิทธิ์ ในหัวหน้าพรรคฯ ก็ได้อธิบาย ด้วยหลักเหตุและผล ไว้อย่างชัดเจน “พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ประโยชน์ จากการไม่ลงเลือกตั้ง เพราะพรรคเพื่อไทยสร้างให้ระบบการเมืองล้มเหลว ฉะนั้นการลงเลือกตั้งเพื่อต่ออายุการเมือง ต่ออายุระบบที่ล้มเหลว จะตอบโจทย์ปัญหาของประเทศได้อย่างไร และการเลือกตั้งทั้งสองครั้งก็เป็นการไม่ชอบ และถูกตัดสินโดยศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นโมฆะ”
ส่วนที่ นายณัฐวุฒิ
กล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ ไปรับเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในค่ายทหารนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะความจริงคือ นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 พรรคเพื่อไทยก็ส่งนายประชา พรหมนอก ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในครั้งนั้น แต่แพ้ให้กับนายอภิสิทธิ์ ดังนั้นทุกกระบวนการในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งสิ้น
นายราเมศ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิกล่าวหาว่า มีการใช้กำลังปราบปรามประชาชน ใช้กระสุนจริง ใช้ปืนติดกล้องยิงไกลนั้น ข้อกล่าวหานี้ก็เป็นเท็จเช่นกัน เพราะคนที่มาจากประชาชนอยู่กับประชาชนมาตลอดชีวิตอย่างนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่มีจิตใจโหดร้ายทำกับประชาชนได้เช่นนั้น ฉะนั้นทหารก็เช่นเดียวกันไม่มีทางที่จะมีแนวคิดแบบที่นายณัฐวุฒิพูด
“อยากถาม นายณัฐวุฒิ ว่า ใครที่ขโมยปืนทหาร แล้วใครที่แต่งชุดดำสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายทหารที่เสียชีวิต ทหารเป็นคนยิงทหารเหรอ ส่วนจะมีใครใช้ชีวิตของ พี่น้องเสื้อแดงเพื่อให้เหตุการณ์เป็นไปตามที่ตัวเองกำหนด นายณัฐวุฒิน่าจะทราบเรื่องนี้ดี และเรื่องดังกล่าวนี้จะได้แถลงในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ต่อไป” นายราเมศกล่าว
นายราเมศ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิกล่าวหาว่าศาลฎีกาได้ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธยิงกระสุนจริง เป็นคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประเด็นนี้นายณัฐวุฒิกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น เหตุผลเพราะว่าไม่มีศาลฎีกาคดีไหนที่ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธยิงกระสุนจริงเป็นคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ คดีที่ศาลฎีกาพึ่งได้ตัดสินให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ชนะคดี ศาลยังไม่ได้มีการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง
เพราะคดีดังกล่าวนั้นได้ต่อสู้กันมาถึง 3 ศาล ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมายเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเบื้องต้นยังไม่มีการไต่สวน ไม่มีปรากฏคำพิพากษาที่มีการวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธยิงกระสุนจริงเป็นคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ การที่จะอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาว่านี่คือพยานหลักฐานใหม่เป็นการพูดที่บิดเบือนตัวคำพิพากษาศาลฎีกาแทบทั้งสิ้น
“ความจริงแล้วการเสียชีวิตของประชาชน การเสียชีวิตของนายทหารเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ฉะนั้นแล้วการที่จะได้มีการค้นหาความจริงพิสูจน์ความจริงกันก็เป็นกระบวนการที่ทุกคนเห็นด้วย เพียงแต่อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ของตน
สำนักข่าววิหคนิวส์