วันที่ 17 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเด็กวัย 13 ปี ว่าเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากลูกสาวถูกลวงไปข่มขืนนานถึง 3 วัน แต่กลับมีการยื้อคดี ทั้งที่เหตุเกิดขึ้นมานานร่วมเดือน
นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาววัย 13 ปี ได้หายออกไปจากบ้านโดยไม่ทราบสาเหตุ คิดว่าไปนอนบ้านญาติเหมือนที่ผ่านมา ผ่านไป 2 วันมาทราบว่าลูกสาวไม่ได้ไปอยู่บ้านญาติ จึงโทรตามหาแต่ติดต่อไม่ได้ พอวันรุ่งขึ้นลูกสาวกลับมาบ้านในลักษณะซึมเศร้า จึงสอบถาม ลูกสาวบอกว่าถูกวัยรุ่น อ.พลับพลาชัย ที่อยู่เขตรอยต่อกัน รู้จักกันในเฟชบุ๊ก ลวงไปข่มขืน เมื่อสอบถามอีกมาทราบว่า คนที่มาล่วงละเมิดลูกสาวมีถึง 10 คน อายุตั้งแต่ 13-50 ปี ผลัดเปลี่ยนกันมาข่มขืนนาน 3 วัน โดยจะย้ายสถานที่การล่วงละเมิดไปเรื่อยๆ
จึงตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.พลับพลาชัย อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากเป็นสถานที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ทำการส่งตัวลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพลับพลาชัย
วันต่อมาตำรวจได้เรียกตัวเองไปสอบ พร้อมกับแจ้งว่า”ค่อยๆคุยกัน”เพราะผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน กลัวจะเสียอนาคต โดยมีการนัดไกล่เกลี่ยกัน ตนซึ่งไม่รู้กฎหมายจึงทำตามตำรวจแนะนำ ตำรวจยังย้ำด้วยว่า”ห้ามแจ้งนักข่าว”
ในเวลาต่อมาตำรวจเรียกไปสอบอีก ระบุ ผู้ก่อเหตุมีอายุ 13-15 ปีเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งไม่ตรงกับคำบอกเล่าของลูกสาวว่า มีผู้ก่อเหตุถึง 10 คน และหนึ่งในนั้นมีอายุ 50 ปี เวลาผ่านไปกลุ่มผู้ก่อเหตุมีลักษณะไม่สนใจ เพราะมีผู้นำชุมชนที่มีความรู้ด้านกฎหมายหนุนหลัง หนึ่งในกลุ่มรุ่นยังมีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กข่มขู่ว่า”ถ้ามึงยังใส่ร้ายมั่วซั่ว เรื่องนี้จบกูจะให้พวกมึงอยู่ไม่ได้ #จำคำกูไว้ให้ดีนะ”ส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหนึ่งในผู้ก่อเหตุมีอายุถึง 50 ปี และอยากถามว่าถ้าเหตุการณ์นี้เกิดกับลูกหลานตัวเอง จะรู้สึกอย่างไร
นางเอ เล่าด้วยว่า ตอนนี้เวลาผ่านไปร่วมเดือน คดียังไม่คืบหน้า ทั้งที่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง กระทบกระเทือนต่อจิตใจ เบื้องต้นลูกสาวซึ่งเคยเป็นเด็กเรียนดี ตอนนี้ไม่ยอมเรียนออนไลน์แล้ว จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือครอบครัวที่กำลังถูกคุกคามอยู่ในขณะนี้