จากสถิติการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางไปเที่ยวน้อยที่สุด เพราะหลายคนมักจะไม่ชอบกับความเฉอะแฉะของสายฝน และกลัวการเดินทางที่ยากลำบาก นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะไม่ออกเดินทางไปเที่ยวหน้าฝน แต่รู้หรือไม่ว่าการออกไปผจญภัยในหน้าฝนนั้นจะได้รับสิ่งที่ไม่เหมือนฤดูกาลอื่น ๆ อีกทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ มากมาย เรามาดูกันค่ะว่าเหตุใดเราจึงไม่ควรพลาดที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝน
1. อากาศสดชื่น
เมื่อมี “น้ำ” ธรรมชาติป่าเขาก็จะอุดมสมบูรณ์ ผลิดอกออกผลกันอย่างเต็มที่ ใบไม้ใบหญ้าก็จะเขียวขจี ต้นไม้ขึ้นอย่างหนาตาทั้งบนภูเขาและในป่าใหญ่ ส่งผลให้อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะหลังฝนตกจะมีความสดชื่นเป็นพิเศษ กลิ่นของใบไม้ ดิน สายน้ำ จะหอมสดชื่นกว่าฤดูกาลไหน ๆ อากาศที่เย็นสบายทำให้ไม่ต้องรำคาญใจเวลาที่อากาศร้อนจนเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะอีกด้วย
2. ทัศนียภาพของหุบเขาสีเขียว
ฤดูกาลนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้ได้รับน้ำมากมาย ทำให้มีการเจริญเติบโตได้ดีกว่าฤดูกาลอื่น ๆ ใบไม้ใบหญ้าจึงเปล่งสีเขียวออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะบนภูเขาที่เมื่อถึงหน้าฝนเมื่อไหร่ ภูเขา หุบเขาต่าง ๆ จะเขียวขจี มองไปทางไหนหัวใจก็ชุ่มฉ่ำ ยิ่งทางภาคเหนือที่มีการทำนาข้าวขั้นบันได ก็จะมีทิวทัศน์ของนาข้าวสีเขียวหลดหลั่นกันลงไปตามไหล่เขาอย่างงดงาม เป็นภาพที่สามารถชมได้เฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น
3. ทะเลหมอก
นักท่องเที่ยวมักจะเข้าใจผิดว่าการชมทะเลหมอกนั้นสามารถเห็นได้เฉพาะหน้าหนาวเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วหน้าฝนก็สามารถเห็นทะเลหมอกได้ง่ายกว่าช่วงหน้าหนาว โดยเฉพาะหลังฝนตกจะมีทะเลหมอกเยอะมากเป็นพิเศษ ยิ่งในช่วงไหนที่ฝนตกก่อนพระอาทิตย์ขึ้นก็จะได้เห็นความสวยงามในอีกรูปแบบ สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำให้ไปยลทะเลหมอกในช่วงหน้าฝนคือ ภูทับเบิก เขาค้อ ทองผาภูมิ ภูชี้ฟ้า เป็นต้น
4. ดอกไม้ป่าแบ่งบาน
เมื่อได้รับน้ำอย่างเต็มที่ และอากาศที่พอเหมาะ ดอกไม้ต่าง ๆ ที่อยู่ในป่าก็จะโผล่หน้าออกมาอวดโฉมให้เราได้ชมกัน เช่น ดอกกระเจียว ที่จะเริ่มบานตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ, ทุ่งดอกเปราะภูขาว บานในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก, ทุ่งดอกหงอนนาค จะบานสะพรั่งเต็มผืนป่าในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นต้น ซึ่งดอกไม้เหล่านี้ถ้าคุณพลาดไปชมในหน้าฝนก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก เพราะฉะนั้นต้องฝ่าสายฝนไปยลความงดงามของพวกมันสักครั้งในชีวิต
5. ล่องแก่ง…กิจกรรมสุดมันส์
ถ้าไม่ใช่หน้าฝนก็สามารถทำกิจกรรมล่องแก่งได้ แต่ !!! มันจะไม่เร้าใจมากพอ เพราะในลำธารและแก่งต่าง ๆ มีปริมาณน้ำน้อยเกินกว่าที่จะทำให้เรือไหลไปตามลำน้ำได้อย่างสนุกสนาน เพราะฉะนั้นหน้าฝนจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะไปพิชิตแก่งต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม หรือแก่งหินเพิงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี สามารถล่องแก่งได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม เป็นต้น
6. เงียบสงบ
ด้วยเหตุที่ไม่ค่อยมีใครอยากมาท้าทายสายฝน จึงเป็นเหตุให้สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เงียบสงบ ไม่ต้องไปแย่งกันกิน แย่งกันหายใจ แย่งกันชมความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว สามารถถ่ายรูปได้อย่างสบายใจ จะเดินตรงไหน จะโพสท่าไหนก็ไม่ต้องแคร์ใครมากนัก มีที่จอดรถให้เลือกจอดเยอะแยะ เวลาไปทานข้าวหรือร้านอาหารก็ไม่ต้องรอคิวยาวนาน แถมยังได้ทานอาหาร เครื่องดื่มและของหวานในรสชาติที่อร่อยกว่าช่วงอื่น ๆ ด้วย เพราะเชฟมีเวลาที่จะใส่ใจการทำอาหารมากขึ้น แล้วแบบนี้ยังจะไม่ไปเที่ยวหน้าฝนอีกได้อย่างไร
7. ได้รับส่วนลดจากที่พักและร้านอาหารเพียบ
เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวบางตา จึงทำให้ผู้ประกอบการทั้งด้านโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟต่าง ๆ จัดโปรโมชั่นลดกระหน่ำ บางโรงแรมลดราคาห้องพักมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ร้านอาหารบางแห่งมีโปรโมชั่นเจ๋ง ๆ เรียกลูกค้า บอกได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ได้คุ้มค่ามากที่สุด
สำนักข่าว vihoknews