เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ส.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. โฆษกบช.น. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลสถานการณ์ชุมนุมว่า วันนี้มีการประกาศนัดชุมนุม 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า บริเวณแยกคอกวัวเวลา 15.00 น. และเดินทางมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ กลุ่มทะลุแก๊ซ นัดหมายเวลา 17.00 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
การชุมนุมดังกล่าง บช.น. ขอแจ้งเตือนว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีลักษณะการรวมตัวมีการกระทำที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรคจะเป็นความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.ควบคุมโรค
ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาเมื่อเวลา 16.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง จากนั้นเคลื่อนตัวมาที่บริเวณถนนวิภาวดีขาออก กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำลูกแก้วลูกหินระดมยิงเข้าไปในพื้นที่หน่วยราชการทหารคือกลุ่มดุริยางค์ทหารบก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องเข้าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการดำเนินการชุมนุมดังกล่าว
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาประทัดยักษ์ ระเบิดไปป์บอมบ์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 นาย บางส่วนเข้ารักษาตัวที่รพ.ตำรวจ
“นอกจากนี้มีการทำให้ทรัพย์สินราชการ เอกชน และสาธารณประโยชน์เสียหาย โดยเฉพาะทางการพิเศษแห่งประเทศไทย มีสิ่งของถูกทุบทำลายเสียหาย อาทิ เครื่องมือที่ใช้ในงานควบคุมจราจร กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 คน พร้อมของกลาง ระเบิดปิงปอง 53 ลูก ระเบิดแสวงเครื่อง 10 ลูก เครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง ข้อหาความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงก.ค.-ส.ค. ดำเนินคดีทั้งสิ้น 90 คดี มีผู้ต้องหาที่จะถูกดำเนินคดี 481 คน จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย 224 คน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนบช.น. จะออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมและกระทำผิดต่างๆ ภายใน 2 สัปดาห์ ออกหมายเรียกไปแล้วทั้งหมด 118 หมาย แบ่งเป็นกลุ่มแกนนำทั้งหมด 16 หมาย กลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ 102 หมาย
ทั้งนี้ กรณีที่มีการใช้ความรุนแรงตามที่มีภาพปรากฎออกมา มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอั้งยี่ซ่องโจร การวางเพลิงเผาทรัพย์ และการสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อนให้เกิดเหตุความรุนแรงในบ้านเมือง ทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว” รองผบช.น. กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการปรับกำลังวันแรกหลังยกสิ่งกีดขวางออกจากบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาออกเป็นอย่างไรนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนการปรับยุทธวิธี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ทำการเฝ้าติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้มีการทบทวนการปฏิบัติ และสั่งการให้นำสิ่งกีดขวางออกจากบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต โดยคาดว่าจะมีการกระทำรุนแรงแต่อย่างใด ปรากฎว่ากลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ยังคงเข้ามาบริเวณดังกล่าวขว้างปาสิ่งของทุบทำลายสิ่งของราชการเสียหาย
ถามต่อว่าตำรวจจะต้องมีการปรับกำลังดูแลบริเวณสามแยกดินแดงในวันนี้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ต้องมีการทบทวนการปฏิบัติในแต่ละครั้ง
เมื่อถามว่าจะมีการใช้วิธีการเดิมทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยางอีกหรือไม่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การใช้อุปกรณ์ระงับเหตุเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว คงจะต้องมีการใช้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพแต่เว้นระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติหน้าที่กับกลุ่มผู้กระทำผิด
เมื่อถามถึงการตั้งแนวตู้คอนเทรนเนอร์จะมีการขยับเข้าไปมากกว่าเดิมในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เมื่อวานได้เอาสิ่งกีดขวางดังกล่าวออกไปแล้ว หลายๆ ที่ก็มีการทดลองเอาออก แต่ถ้ารักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ต่างๆ ได้ ก็จะปรับการดำเนินการตามสถานการณ์และการข่าว
เมื่อถามว่ากรณีการตรวจสอบคลิปตำรวจควบคุมฝูงชนที่เอาอาวุธปืนจ่อยิงระยะประชิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมขับรถจยย.ผ่านเป็นอย่างไรนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้มีการสั่งให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงต้องให้คณะทำงานทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อน
ถามต่อว่าได้มีการเรียกมาคุยบ้างหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในส่วนนี้จะต้องมีการดำเนินการต่อไป
ถามต่อว่าตำรวจรายดังกล่าวคือใครสังกัดหน่วยไหน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พอมีข้อมูลแล้ว
ถามต่อว่าจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวก่อนหรือไม่ เนื่องจากการตัดสินใจดำเนินการกับเหตุเฉพาะหน้าอาจจะเป็นอันตรายเกินกว่าสิ่งที่ควรกระทำนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ต้องอาศัยการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นหลัก
แจงผลสอบยังไม่ออก ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ถามต่อว่าระหว่างที่คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจรายดังกล่าวยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผลยังไม่ผิดก็ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ถามต่อว่าถ้าใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุแบบนี้ต้องขีดเส้นตายตั้งกฎระเบียบการลงโทษหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตนว่ารอผลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ส่วนการดำเนินการกับเข้าหน้าที่อื่นที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ตามมาตรฐาน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เน้นย้ำทุกครั้งในการปฏิบัติอยู่แล้ว มีการประชุมปล่อยแถวเป็นสัดส่วนระดับกองร้อย ระดับหมวด ระดับหมู่
ถามต่อว่าหลังจากเกิดเหตุการดังกล่าวเน้นย้ำกว่าเดิมหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ก็เน้นย้ำตามปกติ ให้คำนึงถึงความเดือดร้อนทั้งตัวประชาชนอื่นๆ และผู้ชุมนุม รวมถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติด้วย
เมื่อถามถึงกรณีชาวแฟลตดินแดงที่ยังคงถูกลูกหลงอยู่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แทบจะไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่อาจจะเกิดกรณีที่มีการติดตามตัวผู้กระทำความผิดระยะกระชั้นชิด ผบช.น.เน้นย้ำว่า ถ้าความผิดไม่ปรากฎต่อหน้าและมีผลกระทบอื่นๆ กรณีผู้กระทำผิดหลบไปบริเวณพื้นที่ส่วนบุคคลก็ให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีภายหลัง
ถามต่อว่ามีความจำเป็นต้องติดตั้งเป็นตาข่ายบริเวณดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจได้ประสานการเคหะแห่งชาติจะดำเนินการติดตั้งประตูเหล็กแยกกลุ่มผู้ชุมนุมกับชาวแฟลตดินแดงอย่างชัดเจน มีการประบปรุงบางอย่างเพื่อป้องกันผลกระทบ
ถามต่อว่า กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมมาทำเพื่อความมั่นสะใจและโพสต์เฟซบุ๊กนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ทางผบ.ตร. เน้นย้ำ บช.สอท. ให้สืบสวนดำเนินคดี รวมถึงการชักชวนหรือการโพสต์ขายวัตถุสิ่งผิดกฎหมาย การชักชวนผลิตแจกจ่ายกับผู้ชุมนุมได้มีการสืบสวนประสานงานตำรวจท้องที่จับกุมตัวแล้ว
จ่อออกหมายจับมือปืน ยิงเด็ก 15
เมื่อถามว่าการการผิดบริเวณแยกดินแดงคนละกลุ่มกับผู้ชุมนุมที่มาทำกิจกรรม เป็นกลุ่มเล็กลงตำรวจปล่อยให้เกิดขึ้นมีการติดตามจับกุมก่อนเกิดเหตุหรือไม่นั้นพล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การดำเนินการต้องมีวางน้ำหนักระหว่างหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ เราดำเนินการใช้กฎหมายโดนเคร่งครัด ก็จะมีกลุ่มเอ็นจีโอหรือกลุ่มอื่นๆ มาทำการวิพากษ์
จึงใช้แนวทางการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ และขณะเดียวกันไม่ทำให้เป็นประเด็นให้เกิดความรุนแรง ผบช.น. บอกชัดเจนว่าการบังคับใช้กฎหมายใดๆ ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนต้องชะลอไว้ก่อน บังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีภายหลังได้
ถามต่อถึงกรณีเยาวชนอายุ 14 ปี และ 15 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนคืบหน้าไปเยอะมาก ได้นำตัวผู้เสียหาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ มาทำการสอบสวนได้ข้อเท็จจริงประกอบคดี บางอย่างที่เป็นรายละเอียดขอสงวนไว้ก่อน
แต่ในภาพรวมมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล บางส่วนพอจะทราบตัวแล้ว แต่ขอรอภาพรวมทั้งหมดเพื่อความกระจ่าง ซึ่งจะมีการขอศาลอนุมัติออกหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าในเร็วๆ นี้