นายกรัฐมนตรีของสวีเดน ต้องก้าวลงจากตำแหน่งจากผลการลงมติไม่ไว้วางใจของรัฐสภา หลังจากดำรงตำแหน่งนี้มาเกือบ 7 ปี
รัฐสภาสวีเดน ลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสเตฟาน ลอฟเวน นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายของสวีเดนเมื่อวานนี้ ด้วยคะแนนเสียง 181 เสียง จากที่นั่งในสภาทั้งหมด 349 ที่นั่ง ทำให้เขาต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ รัฐสภาได้ให้เวลานายลอฟเวน ซึ่งเป็นผู้นำพรรคโซเชียลเดโมแครต 1 สัปดาห์ในการลาออก พร้อมกับมอบอำนาจให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรในการสรรหารัฐบาลใหม่ หรือจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว
รายงานระบุด้วยว่า นายลอฟเวนยังเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสวีเดน ที่ต้องออกจากตำแหน่งจากการลงมติไม่ไว้วางใจในสภา ท่ามกลางปัญหาหลายอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่พุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในขั้นวิกฤต
ด้านพรรคฝ่ายซ้ายได้ออกมาตำหนินายลอฟเวนว่าเป็นผู้สร้างวิกฤตในสวีเดน โดยระบุว่า ไม่ใช่พรรคฝ่ายซ้ายที่ยอมแพ้ต่อรัฐบาลของพรรคโซเชียลเดโมแครต แต่รัฐบาลต่างหากที่ยอมแพ้ต่อพรรคฝ่ายซ้ายและประชาชนชาวสวีเดน
โดยปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวสวีเดน คือเรื่องราคาค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งรัฐบาลพยายามจะออกกฎหมายปฏิรูปเพื่อควบคุมค่าเช่าซึ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จากการขึ้นราคาของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ นายลอฟเวนนั้น สนับสนุนแผนผ่อนปรนการควบคุมค่าเช่าดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายไม่เห็นด้วย และ ลงมติไม่ไว้วางใจเขา
นายลอฟเวน กล่าวในเวลาต่อมาด้วยว่า ขณะนี้ รัฐบาลสวีเดน ยังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ในการเจรจากับบรรดาพรรคฝ่ายซ้ายเพื่อขอความร่วมมือพร้อมย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศคือสิ่งที่ดีที่สุด และเราจะทำงานเร็วที่สุด
ทั้งนี้ อาจมีการตั้งรัฐบาลขึ้นมาใหม่ หรือ จะจัดการเลือกตั้งใหม่ ก่อนกำหนด ซึ่งตามเดิมจะมีขึ้นในปี 2565
อย่างไรก็ตาม จากสภาวะการเมืองที่ไม่มั่นคง จึงไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเลือกพรรคใดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือ อาจให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งผลการสำรวจความคิดเห็น ระบุว่า กลุ่มฝ่ายกลาง-ซ้ายและกลุ่มฝ่ายกลาง-ขวามีคะแนนใกล้เคียงกัน ดังนั้น การจัดการเลือกตั้งในทันทีอาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนและไม่น่าจะนำไปสู่ทางออกได้เช่นกัน