ปลัดอำเภอบ้านธิ ลำพูนในฐานะเจ้าพนักงาน ปปส.พร้อมอดีตรองผู้จัดการด้านการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด เข้ายืนหนังสือต่ออำเภอแม่ริม และปลัดอำเภอแม่ริม เพื่อดำเนินคดีอาญากับบริษัทเดอะคาบินเชียงใหม่ เปิดบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการหรือดำเนินการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด มีการโฆษณาเชิญชวนในอินเตอร์เน็ต เว๊ปไชต์ ซึ่งน่าจะเข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จึงยื่นหนังสือร้องเอาผิดทางอาญา
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2560 ณ ที่ว่าการอำเภอแม้ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายภรภัทร ใจบุญตระกูล ปลัดอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ในฐานะเจาพนักงาน ปปส. พร้อมด้วยนายโทนี่ แทน อายุ 46 ปี อดีตรองผู้จัดการด้านการบำบัด เดอะเคบินเชียงใหม่ ได้เข้ายื่นเอกสารร้องเรียนต่อนายอำเภอแม่ริม ,นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ให้ตรวจสอบ และดำเนินคดีอาญาต่อผู้ดำเนินการบำบัดรักษายาเสพติดโดยผิดกฎหมาย กับบริษัท เดอะเคบิน เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ ในตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยทางนายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ได้ลงหนังสือรับที่ 6862 ลงวันที่ 12 ตุลาคม 2560
นายภรภัทร ใจบุญตระกูล ปลัดอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ในฐานะเจาพนักงาน ปปส.เปิดเผยว่า ตามที่พนักงาน ปปส.ได้แจ้งเบาะแสและร้องเรียนให้ทางอำเภอแม่ริมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้มีคำสั่งระงับการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย และดำเนินคดีเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานบำบัดยาเสพติดและดำเนินการบำบัดยาเสพติด โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ของบริษัทเดอะเคบินเชียงใหม่ โดยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 ทางอำเภอแม่ริมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ตามคำสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมดังนี้ ข้อ1.จากการชี้แจงของผู้ประกอบการด้านการฟื้นฟู ด้านจิตใจ ในราคาหลักสูตรประมาณ 3-5 แสนบาท ใช้ระยะเวลา บำบัด 1 เดือน ,ข้อ 2 สถานที่บำบัดดังกล่าวเดิมตั้งอยู่ในหมู่ 2 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ แต่ปัจจุบันพื้นที่ตั้งเดิมไม่ได้รับการต่อสัญญาเช่า จึงมีการย้ายสถานประกอบการไปตั้งอยู่ในตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้เข้ารับการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด จากรัฐมนตรีและประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา แต่อย่างใด และพบว่ามีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตให้มาใช้บริการและเชิญชวนให้บริการให้คำปรึกษาผ่านทางโทรศัพท์ และปัจจุบันสถานบำบัดยาเสพติดเดอะเคบินเชียงใหม่ ตำบลห้วยทราย อำเภอแม่ริม ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการหรือดำเนินการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดแต่อย่างใด แต่ได้มีการดำเนินการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ 1 ปี จนถึงปัจจุบัน และในพื้นที่ดังกล่าวได้มีการประกอบการโรงพยาบาลภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลเมาน์เท่นวิว เป็นโรงพยาบาลเฉพาะประเภทผู้ป่วย (โรงพยาบาลบำบัดยาเสพติด)ขนาด 10 เตียง เลขใบอนุญาต 10207000260 โดยมีนายแพทย์สุทธิพันธ์ ตรรกไพจิตร ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้ข้อเท็จจริงแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า โรงพยาบาลมีใบอนุญาตถูกต้อง ตามกฎหมายเป็นการจัดตั้งสถานพยาบาลปกติ ใครมารักษาก็ได้ และไม่ปฎิเสธการรับผู้ป่วย เข้ามาบำบัดรักฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ป่วย และมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติเป็นเจ้าของเดียวกับเดอะคาบิน เชียงใหม่
“จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ทางตนเองเห็นว่าได้ปรากฏข้อเท็จจริงอันชัดแจ้งแล้วว่า สถานบำบัดยาเสพติด เดอะคาบินเชียงใหม่ ได้ดำเนินการบำบัดรักษาผู้ป่วยติดยาเสพติด โดยคิดค่าบริการ 3-5 แสนบาท มีระยะการบำบัด 1 เดือน มีการโฆษณาเชิญชวนในอินเตอร์เน็ต เว๊ปไชต์ โดยไม่มีใบอนุญาตตามกฎหมาย โดยโฆษณาหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าเป็นสถานที่บำบัดยาเสพติดที่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เป็นความจริง ซึ่งน่าจะเข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จึงได้มีการเข้ายืนหนังสือต่อนายอำเภอแม่ริม,นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอาญาต่อไป.”
ขณะเดียวกันทางด้านนายโทนี่ แทน อดีตผู้จัดการด้านการบำบัดเดอะเคบินเชียงใหม่ เปิดเผยว่าที่มาร้องเรียนกับทางอำเภอแม่ริมครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมและต้องการให้เจ้าหน้าที่ๆมีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบว่าเดอะเคบินเชียงใหม่ เพราะมีใบอนุญาตจัดตั้งสถานบำบัดด้านยาเสพติดหรือไม่เพราะหลังตนได้คัดค้านในฐานะที่เป็นผู้ดูแลด้านการบำบัดเพราะไม่เห็นด้วยที่ทางเดอะเคบินเชียงใหม่ได้มีการรับชาวต่างชาติมาบัดบัดยาเสพติดโดยการมีโฆษณาผ่านเว๊ปไซต์ให้คนหลงเชื่อเข้ามารักษารายละ 3แสน ถึง 5 แสนบาท ต่อเดือนทั้งๆที่สถานบำบัดยังอยู่ในระหว่างการขออนุญาตเมื่อทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI เข้ามาตรวจสอบทางเดอะเคบินได้สั่งให้ตนบอกเพียงว่าเป็นสถานบำบัดแอลกอฮอล์เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีพบว่าเมื่อผู้ป่วยรักษาอาการหายดีแล้วต้องการออกจากสถานบำบัดทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามพูดจาชักจูงพร้อมเก็บวิซ่าและพาสปอตไว้เพื่อให้อยู่ต่อดังนั้นเมื่อตนแย้งเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณ และหลีกเลี่ยงกฎหมายด้านยาเสพติดทำให้ทางเจ้าของบริษัทไม่พอใจและให้ตนออกจากงานและไม่จ่ายเงินเดือนและเงินชดเชยให้พร้อมกับข่มขู่และฟ้องจนทำให้ครอบครัวเขาได้รับผลกระทบ
ด้านนายบุญนายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ บอกว่าหลังได้รับหนังสือร้องเรียนแล้วทางอำเภอก็จะเร่งดำเนินการตรวจสอบใบอนุญาตสถานบำบัดด้านยาเสพติด และตรวจสอบว่าการที่อดีตลูกจ้างไม่ได้รับเงินเดือนและถูกไล่ออกนั้นเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบวิธีการบำบัดว่ามีการรักษาบำบัดอย่างไรถูกต้องตามหลักการรักษาทางการแพทย์หรือไม่และมีการนำยาเสพติดมาใช้หรือเปล่า ที่ผ่านมาทางอำเภอแมริมได้รับการร้องเรียนจากประชาชน จำนวน 4 ราย โดยเรียกร้องให้ทางอำเภอและตำรวจเข้าตรวจสอบเพราะเกรงว่าจะเป็นแหล่งฟอกเงินของชาวต่างชาติแต่ทางเจ้าของก็ได้ออกมาชี้แจ้งพร้อมระบุว่าสถานบำบัดของตนเองนั้นได้ประสานกับ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ในการดูแลผู้ป่วยด้านยาเสพติด โดยทางตนเองจะได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม ต่อไป.
Cr.นิวัฒน์ ธาตุอินทร์จัน
สำนักข่าววิหคนิวส์