สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีการพิจารณาวาระผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ในคดีโครงการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง เป็นศาลแพ่งและศาลอาญาพระโขนง วงเงิน 42.3 ล้านบาท ที่ถูกร้องเรียนถึงปัญหาว่ามีเอกชนเข้ามาดำเนินการปรับปรุงอาคารก่อนที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะประกาศประกวดราคา และลงนามทำสัญญากับเอกชนอย่างเป็นทางการ
โดยที่ประชุม ก.ต. มีมติ 12 ต่อ 3 เสียง เห็นว่า นายสราวุธ ผิดวินัยร้ายแรง และมีมติ 8 ต่อ 7 เสียง เห็นสมควรให้ลงโทษไล่ออกราชการ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมติผิดวินัยร้ายแรง 12 ต่อ 3 เสียง ก.ต. เสียงข้างมาก ได้แก่ นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธาน กต. นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายสมเกียรติ ตั้งสกุล นายปุณณะ จงนิมิตรสถาพร นายเศกสิทธิ์ สุขใจ นายสมชาย อุดมศรีสำราญ นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ นายเจริญวิทย์ เกื้อทิพย์ นายชยกมล เกษมสันต์ ณ อยุธยา นายไผทชิต เอกจริยกร
ขณะที่ ก.ต.เสียงข้างน้อย ได้แก่ นายจุมพล ชูวงษ์ นายณรัช อิ่มสุขศรี นายจำนง เฉลิมฉัตร
ส่วนมติไล่ออก 8 ต่อ 7 เสียง เสียงข้างมาก ได้แก่ นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ นายสมเกียรติ ตั้งสกุล นายปุณณะ จงนิมิตรสถาพร นายเศกสิทธิ์ สุขใจ นายสมชาย อุดมศรีสำราญ นายเจริญวิทย์ เกื้อทิพย์ นายชยกมล เกษมสันต์ นายไผทชิต เอกจริยกร
ส่วนข้างน้อย ได้แก่ นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธาน กต. นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ นายชัยเจริญ ดุษฎีพร นายรุ่งศักดิ์ วงศ์กระสันต์ นายจุมพล ชูวงษ์ นายณรัช อิ่มสุขศรี นายจำนง เฉลิมฉัตร โดย 7 เสียงนี้ ลงมติปลดออกและให้ลดลงเหลือให้ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อไปยัง ก.ต.หลายคนที่เข้าร่วมประชุม ได้รับการยืนยันว่า ที่ประชุม ก.ต. มีมติลงโทษไล่ออก นายสราวุธ จริง แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
สำหรับรายชื่อ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มีดังต่อไปนี้
อนึ่งกล่าวสำหรับ นายสราวุธ เบญจกุล ล่าสุดปรากฏรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 28 ในนามอิสระ
ขณะที่ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 50 ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ