นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( โควิด-19 ) หรือศบค.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน ว่า
ที่ประชุมวันนี้นายกฯ และทุกคนได้เห็นพ้องตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์ ว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เป็นศูนย์ติดกันมาหลายวัน ส่วนที่พบผู้ติดเชื้อใหม่ จะอยู่ในสถานที่กักตัวของทางรัฐบาลเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือว่าสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จึงเป็นเงื่อนไขมาตรการผ่อนปรนระยะที่สาม ซึ่งทางเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เสนอในที่ประชุม โดยนายกฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อให้มาตรการผ่อนปรนมีความสอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงได้ให้ความผ่อนปรนตามที่เสนอมา ทั้งเรื่องสถานประกอบการต่างๆ เช่นห้างสรรพสินค้าขยายเวลาให้เปิดถึง 21.00 น. ลดเวลาเคอร์ฟิว เป็นจาก 23.00 น.- 03.00 น. เพื่อให้มีการขนส่งวัตถุดิบต่างๆในการส่งข้ามจังหวัดได้ แต่ยังคงมาตรการจำกัดการเดินทางต่างประเทศเข้ามาและออกไปในราชอาณาจักร
นายอิทธิพล กล่าวว่า ส่วนกิจกรรมผ่อนปรนอื่นที่ประชุมศบค.เห็นว่าให้ผ่อนปรนได้คือสถานฟิตเนส สามารถเปิดได้โดยไม่เน้นกิจกรรมรวมกลุ่ม สปา นวดแผนไทย สามารถเปิดได้แต่ยกเว้นเรื่องการอบไอน้ำ และเรื่องที่เกี่ยวกับใบหน้า ส่วนเรื่องกีฬาสามารถติดซ้อมกีฬาได้แล้ว แต่จะต้องมีสตาฟไม่เกิน 10 คน ซึ่งในระยะที่สองนั้นเราอนุญาตเพียงนักกีฬาทีมชาติ แต่ครั้งนี้เป็นการอนุญาตให้ซ้อมกีฬาทั่วไปได้แล้ว ส่วนโรงภาพยนต์สามารถเปิดได้โดยมีข้อจำกัดว่าต้องไม่เกิน 200 คนต่อรอบ
นายอิทธิพล กล่าวว่า สำหรับเรื่องโรงเรียน ทางรมว.ศึกษาได้นำเสนอข้อเสนอจากผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชนและโรงเรียนภาครัฐ ซึ่งนายกฯ และที่ประชุมศบค.มีความเห็นว่าเนื่องจากโรงเรียนมีความ แตกต่างกันเรื่องขนาด จึงให้กระทรวงไปประเมินความพร้อมเป็นรายแห่ง และให้กระทรวงศึกษารายงานอีกครั้งในรอบหน้าคือในวันที่ 15 มิ.ย. ส่วนโรงเรียนที่มีความพร้อมในระดับพื้นที่ เช่นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนห่างไกล ที่พร้อมเปิดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งมีความจำเป็นและมีความแตกต่างเรื่องความไม่พร้อมในการจะเรียนออนไลน์ ตามที่ได้ทดลองไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ให้สามารถเปิดได้ ซึ่งที่ประชุมศบค.ขอให้ยึดตัวเลขทางสาธารณสุขเป็นหลัก ทั้งนี้นายกฯ ให้ความสำคัญมาตรการผ่อนคลายที่สอดคล้องกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลง ครั้งนี้จึงมีการผ่อนปรนมากขึ้น ส่วนมาตรการผ่อนปรนที่จะมีในระยะต่อไป เช่น ผับ บาร์ สถานประกอบการร้านที่นั่งดื่ม ก็ยังคงเป็นเศษสี่รวมถึงสนามมวยก็ยังคงเป็นระยะที่ 4 ด้วย ดังนั้นยังเหลือกิจกรรมกิจการที่ต้องได้รับการประเมินในระยะที่ 4 นั้นจำนวนน้อยลงแล้วเพราะในระยะที่ 3 มีการผ่อนปรนให้จำนวนมาก
“ที่ประชุมเน้นย้ำ ขอประชาชนให้คงมาตรการชีวิตวิถีใหม่ทั้งหมด ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง วัดอุณหภูมิ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขอให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดโดยทางภาครัฐจะได้เข้าทำการสุ่มตรวจและประเมินโดยหน่วยงานสาธารณสุข และพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี 90 เปอร์เซ็นต์ ในทุกกิจกรรม รวมถึงที่ประเมินผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะ มีคนเข้ามาใช้เกือบ 40 ล้านคน ถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ที่มีการนำไอทีเข้ามาช่วย” นายอิทธิพล กล่าว
รมว.วัฒนธรรม กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าสถานการณ์นี้ยังไม่สิ้นสุดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ศบค. ต้องเน้นถึงความปลอดภัยเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อละลอกสอง เกิดขึ้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะรัฐบาลทำไปทั้งหมดทั้งเรื่องการเยียวยา การฟื้นฟู แผนปฏิบัติการต่างๆ การใช้งบประมาณ และตลอดสองวันที่ผ่านมาที่มีการอภิปรายในสภา ศบค. ก็ได้นำข้อคิดเห็นจากสภามาด้วย ดังนั้นเรื่องใดที่จะเป็นข้อกังวล หรือเรื่องใดที่จะสามารถผ่อนคลาย ให้ประชาชนมีช่องทางทำมาหากินและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างใกล้เคียงปกติก็รับไว้พิจารณา ซึ่งในวันเดียวกันนี้ที่ประชุม ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพิจารณาเรื่องของโรงเรียนซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมากและเป็นหนึ่งกิจกรรมที่มีความเป็นห่วงเรื่องมาตรการทางสาธารณสุขที่เด็กๆลูกหลานเราทุกคนอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึงทั้งหมดจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ขอฝากประชาชนทุกคนให้ยังคงรักษาความเข้มข้นเอาไว้การ์ดอย่าตก ซึ่งการผ่อนปรนระยะที่ 3 จะเริ่มในวันที่ 1 มิ.ย.