วันนี้ (15 มิ.ย. 64) ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ กพร. กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป. เดินทางมายื่นหนังสือบันทึกความล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ ถึงนายกรัฐมนตรี โดยมี นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเดินทางมารับหนังสือ
นายอดุลย์ กล่าวว่า ตนเองยังรอคอยเวลาที่พลเอกประยุทธ์จะลาออกเสมอ การมาครั้งนี้เพื่อแจ้งข่าวว่า สิ่งที่ทำให้ประชาชนลำบากในความเป็นอยู่ล้วนเกิดขึ้นจากรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ตั้งแต่การเขียนรัฐธรรมนูญ การแก้สถานการณ์โควิด-19 การกู้เงินที่ทำให้ประชาชนดูเหมือนขอทาน การแอบอ้างสถาบันฯ และใช้กฎหมายมาตรา 112 ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ด้านนายเมธา กล่าวสรุป บันทึกความล้มเหลวทั้ง 17 ข้อว่า ผลงานความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองตั้งแต่ครั้งที่รัฐประหาร การตระบัดสัตย์กับประชาชน สร้างความขัดแย้งกับประชาชน การที่มีรัฐมนตรีล้มเหลวในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นขาดคุณธรรมมาตรฐาน ก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาหลอกลวงประชาชน ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ปัดตกรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยพรรคร่วมและประชาชนมาถึง 7 ฉบับ และยังใช้อำนาจเผด็จการจัดการผู้เห็นต่าง ผลักดันให้เกิดการลี้ภัยใช้กฎหมายปิดปากประชาชน แบ่งแยกประชาชนออกจากสถาบันฯ ใช้สมาชิกวุฒิสภาเป็นเครื่องมือในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตประชาชน สร้างธุรกิจสีเทาทำให้ตำรวจและกองทัพเป็นเครื่องมือเอาคนทุจริตมาบริหารประเทศ
ขณะที่ นายจตุพร กล่าวว่า หากพลเอกประยุทธ์ออกไปด้วยมโนธรรม คงไม่มีผู้คนมาขับไล่ การที่พูดว่าไม่ยุบสภาเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่เป็นความจริงสักเรื่อง และการที่พลเอกประยุทธ์พูดว่ายิ่งไล่ก็จะยิ่งสู้ อยากย้อนถามกลับไปว่าที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์สู้กับใคร การพูดแบบนี้แสดงว่าไม่รู้จักประชาชน ส่วนเรื่องวัคซีนถ้าหากจะโทษใครสักคนก็คงต้องโทษที่พลเอกประยุทธ์คนเดียว
นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า “หากท่านบอกว่าจะสู้ ท่านได้สู้แน่แต่อยู่ที่สู้ไหวไหมรับรองว่า 24 มิถุนายนที่จะมาถึงนี้ ตนเองจะเดินทางมาแน่นอน แต่จะเป็นรูปแบบไหน ให้รอติดตามจากการแถลงในวันอังคารสัปดาห์หน้า นายกฯ อวดดีได้ในวุฒิสภาที่ตัวเองตั้งมากับมือเท่านั้น แต่อย่ามาอวดดีกับประชาชนการแสดงความโอหัง ยิ่งส่อให้เห็นถึงความอ่อนแอ”