เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 16 กรกฏาคม 2565 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินทางออกจากอิสราเอลด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันถึงจุดหมายปลายทางที่สนามบินในเมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียในวันศุกร์ ทำให้ไบเดนเป็นผู้นำสหรัฐฯคนแรกที่บินตรงจากรัฐยิวไปยังประเทศอาหรับซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน
ไบเดนสวมแว่นกันแดดสีดำ เดินออกมาจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล ผู้ว่าการนครเมกกะห์ และเจ้าหญิงรีมา บินต์ บันดาร์ อัล-ซาอูด เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงวอชิงตัน
หลังจากนั้นไบเดนเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังพระราชวังของโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ก่อนบุคคลทั้งสองจะได้พบและทักทายกันด้วยการชนกำปั้น
คาดกันว่าไบเดนน่าจะหารือกับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียในหลายประเด็น ทั้งการกระชับความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญมานานหลายทศวรรษ, ฐานะซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่ และคู่ค้าด้านอาวุธ
สหรัฐฯต้องการให้ดินแดนผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ เพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นเพื่อกดราคาน้ำมันเบนซินในตลาดโลกที่กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดวิกฤตพลังงานในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งในประเด็นนี้คาดว่าจะมีการหารือร่วมกับบรรดาผู้นำชาติอาหรับจากสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับซึ่งกำลังมาร่วมประชุมกันในซาอุดิอาระเบีย
ภารกิจเยือนตะวันออกกลางของไบเดนในครั้งนี้ แม้จะมุ่งหวังด้านเศรษฐกิจและกระชับความสัมพันธ์ระดับพันธมิตรและคู่ค้าแล้ว ยังมีเป้าหมายในการประสานความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและชาติอาหรับอื่นๆในภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน
เมืองเจดดาห์จะเป็นจุดหมายสุดท้ายของไบเดนในการเยือนตะวันออกกลาง ภายหลังได้พบปะเจรจากับประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ และพบปะกับนายกรัฐมนตรี ยาเออร์ ลาปิด ของอิสราเอลเมื่อวันก่อนหน้า.