หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลมีการแย้มแนวโนมการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่องทางหนึ่ง โดยมีการวางมาตรการป้องกันในเรื่องของโควิด-19ไว้รองรับ ซึ่งผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดตามที่ประเทศไทยได้วางไว้ แต่อย่างไรก็ตาม คนทั้งประเทศก็ยังมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่มาก เนื่องจากเคยมีกรณีตัวอย่างให้เห็น เช่นเรื่องของแขกวีไอพีซึ่งเป็นนายทหาร เคยสรางความแตกตื่น วุ่นวายให้กับคนระยองมาแล้วครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการรายงานว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ว่า ได้เห็นชอบแนวทางการเปิดประเทศ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยได้ในระยะยาว แบบจำกัดจำนวนและจะต้องเป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือ Special Tourist VISA (STV) ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งเรื่องให้ทางกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบในรายละเอียด เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนาม และออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เพื่ออนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ ตามเงื่อนไขในวันที่ 1 ต.ค.นี้
ซึ่งเที่ยวบินแรกเป็นการเช่าเหมาลำโดยสายการบินสายการบินแอร์เอเชีย ที่จะนำนักท่องเที่ยวจากจีน 150 คน มาลงที่สนามบินภูเก็ต และนักธุรกิจชาวจีน 7 คนนำไพรเวท เจ็ท หรือเครื่องบินส่วนตัวลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ส่วนวันที่ 25 ต.ค.63 จะมีนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองกว่างโจว 126 คน โดยสายการบินไทยสไมล์ ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นวันที่ 1 พ.ย.63 จะมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศ สแกนดิเนเวีย และเชงเก้นอีก 120 คน โดยสายการบินไทย มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้สำหรับความพร้อมของที่พักที่จะให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้าพัก เป็นสถานกักกันตัวทางเลือก (ALSQ) มีเพิ่มขึ้น ในอีก 3 จังหวัด คือ ชลบุรี 1 แห่ง บุรีรัมย์ 1 แห่ง ภูเก็ต 3 แห่ง
ที่มาและขอบคุณ(ภาพ)พิพัฒน์ รัชกิจประการ Phiphat Ratchakitpraka