พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อํานวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT: Police Cyber Taskforce พร้อมด้วยพล.ต.อ.ปรีชา เจริญสหายนนท์ ที่ปรึกษาพิเศษตร., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.ภ.8 และพล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม.ร่วมกันแถลงจับกุม เครือข่ายแก็งคอลเซนเตอร์ในกัมพูชาเพิ่ม 59 ราย เตรียมส่งไทยดําเนินคดี
พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตํารวจ PCT เปิดปฏิบัติการร่วมกับตํารวจกัมพูชาทลายเครือข่าย แก็งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการกลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชาจับกุมผู้ต้องหา 94 ราย และนําตัวกลับมาดําเนินคดีในประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
โดยจุดที่ 1 อาคารในเมืองพระสีหนุ ซึ่งเครือข่ายกลุ่มนี้มีแผนประทุษกรรมหลอกลวงคนไทยฝั่งประเทศไทยให้ทำการลงทุนตามภารกิจ ในเครือข่ายของแอปพลิเคชันปลอม มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่เกิดเหตุพบคนไทย 19 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับ 15 ราย และไม่มีหมายจับอีก 4 ราย
ทั้งหมดทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลงทุนโดยใช้แอปพลิเคชันชื่อว่า tt หรือtiktok ปลอม โดยเป็นการให้ทำภารกิจตามที่พนักงานคอลเซ็นเตอร์(admin) แนะนำ เช่น ภารกิจการกดหัวใจ ในแอปพลิเคชันที่คนร้ายส่งมา, และภารกิจทายผลลูกเต๋าในแอพปลอม โดยอ้างว่าจะได้ค่าตอบแทน ซึ่งในครั้งแรกๆ ก็จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่เมื่อลงทุนเยอะขึ้นปรากฎว่าไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยคนร้ายอ้างว่าต้องฝากเงินเพิ่มจึงจะถอนเงินได้ แต่เมื่อเหยื่อฝากเงินไปแล้ว ก็ไม่สามารถถอนเงินได้จริง
ส่วนจุดที่ 2 อาคารในเมืองกันดาล ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของกลุ่มคนจีนร่วมกับคนไทย จัดตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ในลักษณะแอบอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย, บริษัท DHL และแอบอ้างเป็น ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง มีประชาชนได้รับความเสียหายมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ผลการตรวจค้นพบคนไทยซึ่งเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับกว่า 40 ราย
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 59 รายนั้น อยู่ระหว่างรอการส่งกลับไทยมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจ PCT จะไปรอรับตัวที่ชายแดน จ.สระแก้ว เพื่อซักถามปากคำผู้ต้องหา และหลังจากเสร็จสิ้นการขยายผลแล้ว จะมีพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ที่ตำรวจ PCT ได้เข้าไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้มีจุดใหม่เพิ่มขึ้นมา คือ เมืองกันดาล ประเทศกัมพูชาที่อยู่ติดกับชายแดนประเทศเวียดนาม เป็นการขยับพื้นที่ใหม่เพื่อหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้หลังมีการลงนามความร่วมมือร่วมกันแล้วทำให้มีการปฏิบัติการร่วมกันที่ดีขึ้นจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ การจับกุมครั้งนี้ได้จับกุมแอดมินผู้ที่อยู่หลังบ้านคอยดูแลเรื่องการเงิน ส่วนเจ้าของอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งปัจจุบันได้สร้างความเสียหายไปแล้วนับตั้งแต่ ต.ค.64 – ปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,136 ล้านบาท สร้างความเดือดให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจังและยั่งยืน
จึงอยากฝากเตือนประชาชนให้มีสติคิดก่อนจะโอนเงินให้ใคร หากผู้เสียหายที่ยังไม่ได้ร้องทุกข์สามารถแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หรือพบเบาะแสเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 ผู้เสียหายสามารถ และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th