ฮาวาย..รัฐที่ 50 ของอเมริกา
ที่ได้มาด้วยการล้มกษัตริย์และฮุบแผ่นดิน
………………………………
.
ก่อนหน้าที่กลายเป็นรัฐที่ 50 ฮาวายมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเคยเป็นราชอาณาจักรที่มีกษัตริย์ปกครอง แถมมีภาษาเป็นของตัวเองด้วย น่าเสียดายที่อเมริกันลืมประวัติศาสตร์ส่วนนี้หมดแล้ว และคงไม่ค่อยสนับสนุนให้รุ่นหลังเรียนรู้เท่าไหร่ เพราะตัวเองกระสันแผ่นดินฮาวาย จนไปแย่งเอามาอย่างหน้าด้าน
.
พระเจ้าคาเมฮาเมฮามหาราชทำศึกสงครามรวมแผ่นดินนานถึง 15 ปี จนก่อตั้งราชวงศ์แรกคือราชวงศ์คาเมฮาเมฮา จากนั้นกษัตริย์ในราชวงศ์ของพระองค์ ก็ครองราชอาณาจักรสืบต่อมาเรื่อย พอกษัตริย์พระองค์ที่ห้าแห่งราชวงศ์คาเมฮาเมฮาสิ้นพระชนม์ ก็เริ่มราชวงศ์ใหม่นั่นคือ ราชวงศ์คาลาอีมามาฮู ราชวงศ์นี้มีกษัตริย์พระองค์เดียวคือ พระเจ้าลูนาลิโล ซึ่งสิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาท
.
รัฐสภาจึงต้องเลือกระหว่างพระราชินีเอ็มมา นาเอ รูก พระราชินีในพระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 4 ของราชวงศ์ก่อน กับเดวิด คาลาคาอัว สุดท้ายหวยออกที่เดวิด คาลาคาอัว ได้ครองราชย์บัลลังก์ฮาวาย ทรงพระนามว่าพระเจ้าคาลาคาอัวที่ 1 ก่อตั้งราชวงศ์ราชวงศ์คาลาคาอัว
.
พระราชาพระองค์นี้แหละที่อเมริกาหนุนสุดติ่งกระดิ่งแมว จะว่าไปอเมริกาเข้าไปเผือกเรื่องในสถาบันกษัตริย์ด้วยการชักใยเบื้องหลังให้กษัตริย์อนุมัติโน่นนี่ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่นักธุรกิจอเมริกันอยู่ตลอดตั้งแต่ราชวงศ์แรกเลยทีเดียว
.
แล้วอเมริกาควบคุมกษัตริย์ให้เซ็นต์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรฮาวาย 1887 หรือ Bayonet Constitution ที่ลดอำนาจของกษัตริย์ลง และกระจายอำนาจออกไปให้กลุ่มนายทุนน้ำตาล ซึ่งก็คือพ่อค้าอเมริกันเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองมากขึ้นนั่นเอง
.
เมื่อคนผิวขาวเข้ามาครอบครองฮาวาย ก็ออกกฎหมายห้ามใช้ภาษาฮาวายอีกต่อไป ให้ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น ส่วนเด็กฮาวายห้ามพูดภาษาแม่ ไม่งั้นจะต้องถูกทำโทษ
.
อุตสาหกรรมน้ำตาลดึงดูดแรงงานทั่วทุกสารทิศ ให้หลั่งไหลเข้ามาในฮาวาย ทำให้มีแรงงานอพยพเข้ามาเป็นจำนวนมาก สวนทางกับประชากรฮาวายที่ลดลงจากโรคระบาด ต่อมานายทุนน้ำตาลเหล่านี้เป็นผู้มีส่วนในการผลักดันให้เกิดการปฏิวัติโค่นล้มการปกครองแบบกษัตริย์
.
ช่วงที่พระราชินีพระองค์สุดท้ายครองราชย์ นักธุรกิจชาวยุโรปและชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่พอใจการปกครองของพระองค์ เนื่องจากคนเหล่านี้ต้องการฮุบฮาวาย ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งกับอเมริกา เพื่อที่จะได้กอบโกยผลประโยชน์จากการค้าน้ำตาลในฮาวาย
.
ส่วนมิชชันนารีใช้ศาสนาบังหน้า เพื่อชักนำชาวฮาวายเข้าสู่ระบบการศึกษาแบบตะวันตก โดยทำลายอัตลักษณ์และวัฒนธรรมดั้งเดิมทีละน้อย อันเป็นการเปิดประตูบานถัดไปให้สถาบันการปกครองแบบตะวันตกเข้ามามีบทบาท ที่นำไปสู่การล้มล้างระบบจัดการที่ดินแบบดั้งเดิม จนในที่สุดก็นำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับการทำไร่อ้อยเพื่อผลิตน้ำตาล
.
ผลประโยชน์นั้นหอมหวานกว่าน้ำตาลอ้อย พวกนี้เลยเริ่มกระบวนการการฮุบฮาวาย โดยเริ่มจากการจัดตั้ง “คณะกรรมาธิการความปลอดภัย” ขึ้น ชาวยุโรปและอเมริกันรวมหัวกันตั้งคณะกรรมการรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่ความปลอดภัยของพระราชินีแต่อย่างใด แต่เป็นความปลอดภัยของกลุ่มทุนค้าน้ำตาลนั่นแหละ กลุ่มนี้มุ่งล้มล้างราชอาณาจักรฮาวาย โดยการขับไล่ราชินี เพื่อรวมฮาวายเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา โดยอ้างว่าคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยห่วงใยปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองอเมริกัน ฉับพลันทันใดกองกำลังนาวิกโยธินและกองทัพเรืออเมริกาบุกยึดกรุงโฮโนลูลู
.
มีการประกาศจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลฮาวาย ประกอบไปด้วยนักธุรกิจชาวยุโรปและอเมริกา เพื่อปกครองฮาวายจนกว่าจะถูกผนวกเข้ากับอเมริกา จากนั้นก็จับกุมพระราชินีและพระราชวงศ์ พระราชินีถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกตัดสินให้จำคุก 5 ปี ทำงานหนัก และปรับ 5,000 ดอลลาร์ ถูกขังในพระราชวังโอลานิ จากนั้นรัฐบาลอเมริกาประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐฮาวาย ในปี ค.ศ. 1898 ฮาวายได้รับการอนุมัติว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในสมัยประธานาธิบดีวิลเลียม แมกคินลีย์ นับเป็นการสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของราชอาณาจักรฮาวาย ราชอาณาจักรฮาวาย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1795 และล่มสลายไปประมาณปี ค.ศ. 1893 – 1894