21 กันยายน 2560 วัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โด้โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คระบุว่า ”นามสกุลผิด ชีวิตเปลี่ยน” เรื่องเงินกู้กรุงไทยกลายเป็นมหากาพย์ ล่าสุดคุณวีระ สมความคิด ได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินคดีฐานฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องอีกประมาณ 200 ราย คุณวีระฯ ยังเปิดเผยอีกว่าระหว่างปี 2535-2555 บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ ส่วนธนาคารกรุงเทพฯ ใครเป็นประธานผมไม่ทราบ
การกล่าวหาใครในทางอาญาต้องมีหลักฐานว่าบุคคลนั้นกระทำความผิด สำหรับความผิดฐานฟอกเงิน ผู้ที่โอนหรือรับโอนจะต้องทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด และต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อช่วยซุกซ่อน หรือปกปิดฯ เมื่อพิจารณาฐานะของผู้ชำระเงินคือนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ที่เป็นนักธุรกิจเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมาย ก่อหนี้ได้นับหมื่นล้านบาท ขนาดนายมีชัยฯ ยังเชื่อถือมาเป็นประธานกรรมการบริษัทให้ อีกทั้งในปี 2547 ยังไม่มีการกล่าวหานายวิชัย ดังนั้น ผู้ที่ได้รับเงินจากนายวิชัยย่อมเชื่อว่าเป็นเงินสุจริตและคงไม่มีใครไปสอบถามที่มาของเงิน รวมถึงที่บริจาคให้กับมูลนิธิ และจ่ายให้กับนายทหารยศนายพล ซึ่งผมก็เชื่อว่ามูลนิธิและนายทหารคงไม่ได้สอบถามที่มาของเงินเช่นกัน ส่วนการรับเงินที่เกิน 3,000 บาทจะผิดกฎหมาย ป.ป.ช. หรือไม่ผมไม่ก้าวล่วง ผมจึงเชื่อว่าไม่มีใครตาทิพย์ไปรู้เห็นที่มาของเงินก่อนศาลตัดสิน โอ๊คก็เช่นกัน ไม่มีทางทราบว่าเช็คที่ได้มานั้นมาจากการกระทำความผิด ที่แปลกคือเป็นคนเดียวที่คืนเงินแต่ถูกดำเนินคดี ส่วนพวกที่ไม่คืนเงินไม่มีใครถูกดำเนินคดี คงผิดที่นามสกุล
มีผู้หวังดีส่งหนังสือร้องทุกข์ของ ปปง. ที่ขอให้ดีเอสไอดำเนินคดีโอ๊คกับพวกรวม 4 คน มาให้ ผมอ่านแล้วตกใจเพราะความในหนังสือที่ระบุว่า “ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารวบรวมพยานหลักฐาน ที่บ่งชี้ถึงเจตนา ที่ผู้กระทำรู้ว่าทรัพย์สินที่ได้รับโอน หรือที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และกระทำโดยเจตนาพิเศษเพื่อซุกซ่อน ปกปิด อำพราง แหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น” ไม่อาจแปลเป็นอย่างอื่นได้นอกจากว่า ปปง. มาร้องทุกข์โดยยังไม่ทราบว่าผู้ที่ตัวเองกล่าวหานั้นได้ทำความผิดหรือไม่ จึงขอให้ดีเอสไอไปรวบรวมหลักฐานหาเอาเอง ทำแบบนี้ระวังติดคุกทั้งคนกล่าวหาและคนรับร้องทุกข์
ผู้สื่อข่าววิหคนิวส์รายงานว่า สำหรับคดีทุจริตธนาคารกรุงไทยนั้น ศาลฎีกาได้ตัดสินผู้จำคุกกรรมการธนาคารผู้อนุมัติเงินเป็นที่เรียบร้อยทุกราย เหลือเพียงผู้ได้รับผลประโยชน์จากเงินดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องฐานฟอกเงิน ที่มีกว่า 200 ราย
สำนักข่าววิหคนิวส์