อธิบดีดีเอสไอมีความเห็นชง อสส.ชี้ขาด ควรนำคดีฟอกเงิน ‘พานทองแท้’ นำสู่การพิจารณาศาลสูงเพื่อวินิจฉัย เหตุมีประเด็นสำคัญแห่งคดี หลังคณะทำงานอัยการคดีศาลสูงมีความเห็นไม่อุทธรณ์
สำนักข่าวอิศรา-จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกฟ้องคดีฟอกเงินจากกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ในส่วนเช็ค 10 ล้านบาท ต่อมาคณะทำงานในสำนักอัยการคดีศาลสูง สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีมติไม่ยื่นอุทธรณ์คดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ โดยส่งความเห็นไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น (อ่านประกอบ : ไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงิน‘พานทองแท้’!อัยการสำนักศาลสูงส่งกลับดีเอสไอขอความเห็น)
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนคดีอาญาในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริตรายการปล่อยเงินกู้กลุ่มกฤษดามหานครของธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560 และต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย (นายพานทองแท้ ชินวัตร) ซึ่งพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่อุทธรณ์และส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษฯ มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ บัดนี้การพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว โดยเห็นว่าเมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ความเห็นของพนักงานอัยการ และคำพิพากษาของศาล ทั้งที่พิพากษายกฟ้อง และที่ทำความเห็นแย้งไว้ท้ายคำพิพากษา ประกอบกับความเห็นของพนักงานอัยการที่เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแล้ว เห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นให้ส่งอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาตามกฎหมายต่อไป และส่งความเห็นพร้อมสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2563
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนของคดีนี้ เมื่ออธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้งคือควรอุทธรณ์ จะต้องส่งความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาดกรณีดังกล่าวอีกครั้ง