รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย มองว่า การเข้าจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ถือเป็นบทเรียนให้วงการพระสงฆ์ พร้อมขอให้ตระหนักในการขึ้นมาดำรงตำแหน่งของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เผยอนาคตเตรียมจัดระเบียบพุทธพาณิชย์…
วันนี้( 25 พ.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ยอมรับว่า กรณีการจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่สะเทือนวงการพระสงฆ์ และสะเทือนต่อความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนในบางคนบางกลุ่ม แต่จะไม่กระทบต่อพระพุทธศาสนาในประเทศที่ยังมั่นคงดีอยู่ ซึ่งหากมีเภทภัยมากระทบกระทั่ง หากสามารถที่จะกำจัดออกไปได้ ก็จะทำให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์ผุดผ่อง เด่นชัดขึ้นตามหลักการพระพุทธศาสนาได้ ซึ่งกรณีนี้ ต้องแยกแยะออกเป็นสองประเด็น คือ เรื่องคดีทุจริต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเป็นคนดำเนินการสอบสวนตามกฎหมาย ซึ่งพระสงฆ์สามารถที่จะแก้ข้อกล่าวหาได้ ซึ่งการเกิดคดีความถือว่าเป็นการถูกกล่าวหาทางโลก ดังนั้น ทางโลกจะต้องเข้ามาจัดการ ส่วนทางธรรมและทางศาสนา ก็ต้องเข้าไปดำเนินการในกฎหมายพระสงฆ์ ซึ่งกฎหมายนี้ ก็มีการระบุไว้ชัดเจนว่าในกรณีที่พระสงฆ์ต้องคดีอาญาจะต้องดำเนินการอย่างไร
ส่วนการสึกพระสงฆ์ ก็มีทั้งสมัครใจลาสิขาให้สละสมณเพศ ซึ่งจะสมัครใจหรือไม่สมัครใจ แต่ก็ต้องสละ โดยมีพระอธิการชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทุกขั้นตอนการสึกพระ ก็มีวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องสลับซับซ้อน ส่วนความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนในการนับถือพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ จะยังน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ นายวิษณุมองว่า เรื่องที่เกิดขึ้น จะมีวิธีการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น เหมือนกับการปัดกวาดบ้าน จากที่ไม่สะอาด ก็ให้กลับมาสะอาดมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านทิ้ง
“เรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกศาสนา และจะต้องมีการแก้ปัญหาเฉพาะเหตุทีเกิดขึ้นให้มันดีขึ้น คล้ายกับการปัดกวาดบ้านช่องห้องหอ จากที่ไม่สะอาด ให้กลับมาสะอาดขึ้น ไม่จำเป็นต้องรื้อบ้านทิ้งซึ่งอาจจะไม่คุ้ม อย่ามองว่าเป็นการสังคายนาพระสงฆ์ครั้งใหญ่ เพราะคำนี้เป็นคำพิเศษ และทำกันได้ยาก เพราะหมายความถึงกรณีการประชุมพระสงฆ์เพื่อที่จะตรวจสอบพระไตรปิฎกกัน ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่มีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น มีการสังคายนาพระไตรปิฎกไป 10 กว่าครั้ง ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ ซึ่งเรื่องทางมหาเถรสมาคมย่อมมีวิธีและแนวทางปฏิบัติสำหรับพระภิกษุสงฆ์อยู่แล้ว” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ ในอนาคตอาจจะต้องมีการจัดระเบียบเรื่องพุทธพาณิชย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สะเทือนใจกับชาวพุทธ เพราะเป็นการนำพุทธศาสนา หรือ ศาสนวัตถุ หรือศาสนบุคคลมาทำมาค้าขาย หากำไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องจัดการต่อไป โดยเฉพาะ ช่องว่างของกฎหมายที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด พร้อมเชื่อว่า จะสามารถอธิบายกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะ ข้อสงสัยเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือ เป็นการกลั่นแกล้ง และเสรีภาพในการนับถือศาสนา เพราะต่างประเทศจะให้ความสนใจการชี้แจงในสามประเด้นดังกล่าวเพียงเท่านั้น
นายวิษณุยังขอให้เรื่องนี้ เป็นบทเรียนให้ตระหนัก ในการกลั่นกรองการดำรงตำแหน่งของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น
สำนักข่าววิหคนิวส์