รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดีกล่าวว่า แถลงการณ์ทางโทรทัศน์ของลีออน ชาร์ลส์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของเฮติ เมื่อคืนวันพุธที่ 7 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น กล่าวว่า ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม “ทหารรับจ้าง” 4 คนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ที่บ้านของเขาในกรุงปอร์โตแปรงซ์และสามารถจับกุมได้ 2 คน
“เราขวางพวกเขาไว้ระหว่างทางหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ” ผู้บัญชาการตำรวจเฮติกล่าวโดยไม่ได้ระบุว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร แต่บอกว่ายังมีสมาชิกในกลุ่มนี้หลบหนีไปได้ เขาให้คำมั่นว่า กองกำลังความมั่นคงจะไล่ล่าคนเหล่านี้อย่างไม่รามือ “พวกนี้จะต้องถูกฆ่าหรือไม่ก็โดนจับกุม”
การโจมตีเกิดเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันพุธ ประธานาธิบดีโมอิส ซึ่งเป็นอดีตนักธุรกิจค้ากล้วยหอมวัย 53 ปี โดนยิงพร้อมกับนางมาร์ทีน โมอิส ภรรยา ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกส่งตัวไปรักษาที่รัฐไมอามีของสหรัฐแล้วโดยอาการทรงตัว บนถนนด้านนอกบ้านของประธานาธิบดียังพบเห็นปลอกกระสุนตกอยู่ระหว่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้เคียงมีรอยกระสุนหลายรู
ท้องถนนในกรุงปอร์โตแปรงซ์ที่เคยพลุกพล่านอยู่ในสภาพเกือบร้างหลังเกิดเหตุ สนามบินถูกปิด มีรายงานของสื่อท้องถิ่นว่า ขบวนรถซึ่งรวมถึงรถพยาบาลที่เคลื่อนย้ายร่างของประธานาธิบดีไปยังห้องเก็บศพ ต้องเปลี่ยนเส้นทางเพราะเสียงปืนและการปิดกั้นถนน
คล็อด โจเซฟ นายกรัฐมนตรีรักษาการ เข้าควบคุมอำนาจบริหารและประกาศ “สถานการณ์ที่ต้องเข้าควบคุมพื้นที่” และไว้อาลัยทั้งประเทศนาน 2 สัปดาห์ เขากล่าวไว้ขณะแถลงข่าวอสัญกรรมของโมอิสว่า ประธานาธิบดีโดนลอบสังหารโดยคนต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษและสเปน” และว่า ผู้ที่ลอบสังหารจะไม่ถูกปล่อยลอยนวล
โจเซฟเพิ่งทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีได้เพียง 3 เดือน และมีกำหนดจะพ้นจากตำแหน่งในอีกไม่กี่วัน หลังจากโมอิสเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ผู้พิพากษาคาร์ล อองรี เดสแต็ง กล่าวกับหนังสือพิมพ์นูเวลีสต์ว่า ร่างของประธานาธิบดีมีรอยกระสุน 12 นัด จากปืนไรเฟิลขนาดใหญ่ และปืนพกขนาด 9 มม. ที่หน้าผาก, หน้าอก, สะโพก และท้อง “ห้องทำงานและห้องนอนของประธานาธิบดีถูกรื้อค้น เราพบเขาในสภาพนอนหงาย กางเกงสีน้ำเงินและเสื้อเชิ้ตสีขาวเปื้อนเลือด อ้าปากและตาซ้ายหลุดจากเบ้า”
ส่วนโฌมาร์ลี บุตรีของประธานาธิบดีซึ่งอยู่ในบ้านด้วย ซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน มีหญิงรับใช้และคนงานในบ้านอีกคนโดนจับมัดไว้โดยกลุ่มคอมมานโดที่ร้องตะโกนว่า “ปฏิบัติการของดีอีเอ” ขณะบุกเข้ามาในบ้านของประธานาธิบดี
บ็อกคีต์ เอ็ดมันด์ เอกอัครราชทูตเฮติประจำสหรัฐ กล่าวว่า กลุ่มมือสังหารเป็น “ทหารรับจ้างมืออาชีพ” ที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ
ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามการลอบสังหารครั้งนี้ และเรียกร้องให้นำตัวคนก่อเหตุมารับโทษให้ได้ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะทำให้อาจทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพเพิ่มขึ้น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการสังหารครั้งนี้ และว่าสหรัฐพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ขณะรัฐบาลของเขาเรียกร้องให้เฮติเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง โดยกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การเลือกตั้งที่ยุติธรรมจะนำไปสู่การถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติแก่ประธานาธิบดีคนใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง
อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้ชาวเฮติ “สามัคคีกันไว้” และ “ปฏิเสธความรุนแรงทั้งมวล” ส่วนโจเซป บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เตือนถึง “ความเสี่ยงของความไร้เสถียรภาพและวังวนของความรุนแรง”
โมอิสชนะเลือกตั้งด้วยนโยบายประชานิยมเมื่อปี 2558 แต่การเลือกตั้งถูกยกเลิกเนื่องจากข้อหากล่าวหาทุจริต เขาชนะเลือกตั้งอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2559 และสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 แต่ภายในเวลาไม่นานเขาก็ถูกประชาชนประท้วงขับไล่ เริ่มจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชันและการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด ไปจนถึงความพยายามครองอำนาจต่อไป เขาปฏิเสธจะออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่่ผ่านมา อ้างว่าวาระของเขาต้องครบในปีหน้า.