วีระ สมความคิด ได้เดินทางไปยัง ปปช.เพื่อยื่นร้องเรียนต่อปปช.แล้ว โดยระบุว่ามายื่นเรื่องต่อ ปปง. ขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีอาญาความผิดฐานฟอกเงินและยึดเงินคืนให้กับแผ่นดินกับผู้กระทำความผิดทุกรายโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
เนื่องจากพบว่ามีบุคคลและนิติบุคคลที่ได้รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดอาญาฐานฟอกเงินจำนวนถึง 149 ราย นอกจากนี้ยังอาจมีผู้ที่ได้รับโอนหรือเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดแต่ยังไม่ถูกตรวจสอบ เช่นกรณีของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด ( มหาชน) จำเลยที่ 20 ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อม. 3/2555 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 55/2558 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายมีชัย ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 – 2555 เป็นเวลากว่า 20 ปี ในขณะที่บริษัทกฤษดามหานครกระทำความผิดร่วมกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ในปีพ.ศ.2546-2547 นายมีชัย ก็ยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัทฯ
นายมีชัย ได้ลาออกในปีพ.ศ.2555 ในปีเดียวกันกับที่ศาลฎีกาฯได้รับฟ้องในคดีอาญาดังกล่าวนี้ ทำให้เชื่อได้ว่าตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 เป็นต้นมาจนถึงปีพ.ศ.25555 นายมีชัย อาจจะได้รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่ง ปปง. สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลังไปตั้งแต่ปีพ.ศ.2547-ปีพ.ศ.2555 ว่ามีเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปเกี่ยวพันกับนายมีชัย หรือไม่? อย่างไร? ที่สำคัญการตรวจสอบกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน จะยึดเงินคืนให้แก่รัฐได้เพียงไม่กี่สิบล้านบาท
แต่ถ้า ปปง.สามารถตรวจบุคคลและนิติบุคคลอื่นๆอีกจำนวนร้อยกว่าคน รวมถึงนายมีชัย ฤชุพันธ์ ก็จะทำให้ ปปง. อาจจะยึดเงินคืนให้กับรัฐและประชาชนได้อีกนับพันล้านบาทเลยทีเดียว
สำนักข่าววิหคนิวส์