ตามที่ สนช.ได้ผ่านร่างกฎหมายการเลือกตั้ง สส. โดยได้กำหนดให้มีการเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 90 วัน อันมีผลให้ต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งจากเดือน พ.ย.61 ออกไปประมาณเดือน ก.พ.62 ซึ่งไม่เป็นไปตามโรดแมปที่นายกรัฐมนตรีและ หน.คสช.เคยให้คำมั่นสัญญาต่อนานาอารยประเทศและสังคมไทยนั้น การใช้อำนาจของ สนช. เป็นการบัญญัติกฎหมายการเลือกตั้ง สส. ที่ไม่เคยปรากฎรูปแบบดังกล่าวเลยนับตั้งแต่มีการบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง สส. นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นต้นมา ทั้งนี้ การที่ สนช. ใช้อำนาจเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดีงกล่าวออกไป จะทำให้ สนช.ได้รับประโยชน์จากเงินประจำตำแหน่งและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นอีกคนละ 1-2 แสนบาทต่อเดือน ต่อไปอีก มากกว่า 3 เดือนจนกว่าจะมีการเรียกประชุมรัฐสภาครังแรกหลังการเลือกตั้งตาม รธน.60 ม.263 ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหายจากระบบการเงินการคลังอีกกว่า 100 ล้านบาท
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยเชื่อว่า สนช.ทั้ง 213 คนจงใจใช้อำนาจไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับ คสช. และตนเอง อันเข้าข่ายการทุจริตต่อหน้าที่ และจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายประการ หรืออาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจรติหรือเที่ยงธรรม เพราะอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใหม่บางพรรคที่ส่อไปในทางสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หน.คสช.ให้เป็นนายกฯคนต่อไปด้วย สมาคมฯจึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน/ผู้ว่า สตง. เพื่อดำเนินการตรวจสอบร่วมกับ ป.ป.ช. และ กกต. เพื่อลงโทษ 231 สนช.ดังกล่าว ตามที่ รธน.ม.244 และ ม.245 บัญญัติไว้
สำนักข่าววิหคนิวส์