ศรีสุวรรณเผยตุลาการแถลงควรยกฟ้องคดีแอชตันอโศก
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 9.30 น. ศาลปกครองสูงสุด ได้นัดพิจารณคดีครั้งแรก หลังจากที่คู่กรณีได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดี หลังจากที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 ในคดีหมายเลขดำที่ ส.53/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ส.19/2564 ให้เพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้าย อาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตาม ม.39 ทวิ และ ม.39 ตรี แห่ง พรบ.ควบคุมอาคาร 2522 ที่ออกให้แก่บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดยให้มีผลย้อนหลังจนถึงวันที่ออกใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ดังกล่าว
ในคดีดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและผู้ฟ้องคดีรวม 16 คนได้ใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าวไปด้วย แม้ว่าศาลจะพิพากษาให้ผู้ฟ้องคดีชนะคดีไปแล้วก็ตาม แต่มีบางประเด็นที่ศาลยกและไม่วินิจฉัยให้ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่เห็นว่าควรที่จะมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไว้เป็นบรรทัดฐานในทางคดีต่อไป เนื่องจากสมาคมฯมีกรณีพิพาทอีกหลายคอนโดมิเนียมที่มีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาลปกครอง และที่กำลังจะนำเรื่องขึ้นฟ้องร้องต่อศาลก็อีกหลายคดี
ในการแถลงคดีของตุลาการผู้แถลงคดีวันนี้ สรุปในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทางเข้า-ออกอาคารที่เป็นประเด็นหลักในคดีนี้ว่า การที่ รฟม.อนุญาตให้ผู้ประกอบการอาคารแอชตันอโศกใช้ที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนเพื่อเข้า-ออกอาคารดังกล่าวได้นั้น ไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการเพื่อการขนส่งสาธารณะของ รฟม.อีกทั้งเอกชนได้ชำระเป็นค่าเช่าให้กับ รฟม.แล้วกว่า 97.6 ล้านบาทแล้วนั้น การใช้อำนาจดังกล่าวเห็นว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงมีความเห็นต่อองค์คณะผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ว่า “ควรยกฟ้อง”
ส่วนกรณีที่เจ้าของที่ดินเดิมได้เคยจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินแล้วทำการตัดที่ดินบางส่วนเพื่อทำเป็นถนนสาธารณะพร้อมกับจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายที่ดินแล้วนั้น แต่เมื่อมาทำการสำรวจรังวัดใหม่กลับไม่ปรากฏถนนสาธารณะดังกล่าว จนทำให้ผู้ประกอบการนำไปสร้างคอนโดฯได้นั้น ตุลาการผู้แถลงคดีได้ทำความเห็นเสนอต่อองค์คณะไว้แล้ว
หลังจากวันนี้ องค์คณะในศาลปกครองสูงสุดจะทำคำวินิจฉัยและคำพิพากษาซึ่งจะสอดคล้องหรือตรงกันข้ามกับความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีก็ได้ และจะส่งไปให้ศาลปกครองกลาง เพื่อนัดคู่กรณีมาฟังคำพิพากษาต่อไป ซึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเพราะคดีในลักษณะนี้จะใช้เป็นบรรทัดฐานของสังคมในอนาคตต่อไป และยังมีอีกหลายอาคารที่มีชาวบ้านร้องเรียนมายังสมาคมฯว่าก่อสร้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตาม EIA และก่อสร้างได้สร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อชาวบ้านข้างเคียงอย่างมาก รวมทั้งการนำพื้นที่ถนนรอบอาคารที่กว้าง 6 เมตรไปทำสวนหย่อมผิดไปจากแบบแปลนซึ่งมีมากกว่า 10 อาคารที่ตรวจสอบพบ ซึ่งสมาคมฯจะยื่นเรื่องเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด