นายทุนอ้างตัดในพื้นที่ สค.1 ทำให้ป่าไม้ไม่กล้าจับกุมเพียงแค่อายัดไม้ไว้รอเจ้าหน้าที่ที่ดินออกมารังวัดพิสูจน์ ชาวบ้านสงสัยเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจหรือไม่
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า มีชาวบ้านในพื้นที่บ้านโนนแคน ต.สร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ได้ร้องเรียนว่า มีกลุ่มนายทุนหลายรายได้เข้าไปทำการตัดต้นไม้มีค่า และไม้หวงห้ามในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านโนนแคน ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงใหญ่ ขนใส่รถบรรทุกออกไปเป็นจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งๆเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ชาวบ้านสงสัยมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดเข้าไปดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุเลย จนไม้ขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นและชักลากใส่รถบบรทุกออกไปเป็นจำนวนมากแล้ว กระทั่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดอำนาจเจริญ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 เพิ่งจะเข้าไปอายัดไม้ที่ถูกตัดและใส่รถบรรทุกขนออกมา โดยทำได้เพียงนำไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรหัวตะพานเท่านั้น ยังไม่สามารถแจ้งความเอาผิดหรือดำเนินคดีผู้ก่อเหตุได้ เนื่องจากกลุ่มนายทุนอ้างว่าตัดไม้ในเขตที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ที่เป็น สค.1 เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงทำได้เพียงอายัดไม้ไว้ก่อนแล้วประสานขอให้สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่มาทำการพิสูจน์รังวัด สค.1 ดังกล่าวว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงใหญ่หรือไม่ ซึ่งต้องรอที่ดินประมาณ 60 วันจึงจะออกมาทำการรังวัดได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ที่ดินมีภารกิจมากมายหรืออย่างไร จึงต้องรอเวลาถึง 60 วันจึงจะออกมาได้
กรณีดังกล่าวเป็นที่สงสัยว่า หากที่ดินที่นายทุนกล่าวอ้างเป็น สค.1 จริง หากไม่ได้ทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน 40-50 ปี จะยังคงใช้เป็นข้ออ้างได้หรือไม่ อีกทั้งพื้นที่ที่มีการตัดไม้ทำลายป่าดังกล่าวชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันตรงกันว่าเป็นเขตป่าชุมชนบ้านโนนแคนมีเนื้อที่ 797 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงใหญ่ ที่มีเนื้อที่ประมาณ 32,250 ไร่ โดยถูกประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าดงใหญ่เมื่อ 1 ก.ค.2522 ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 845(พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 เนื่องจากมีไม้ยาง ไม้เต็ง ไม้พะยอม ไม้พลวง ไม้ประดู่ ไม้แดง ฯลฯ เป็นจำนวนมาก เป็นป่าเบญจพรรณผสมป่าเต็งรังที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
ที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าว เป็นป่าที่ได้รับพระราชทานธง“พิทักษ์ป่า เพื่อรักษาชีวิต”ซึ่งธงนี้เป็นธงที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระพันปีหลวง ทรงพระราชทาน ให้แก่ราษฎรเป็นหมู่บ้านหรือชุมชน ที่ได้ร่วมกันดูแลหวงแหน อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ของหมู่บ้านหรือชุมชน ของชาติเป็นส่วนรวม โดยได้ร่วมแรงร่วมใจกัน อนุรักษ์ป่าไม้ในหมู่บ้านหรือชุมชนของตน รักษาชีวิตสัตว์ป่า รักษาสิ่งแวดล้อม โดยไม่เข้าไปตัดไม้ทำลายป่า แผ้วถางทำไร่เลื่อนลอย หรือล่าสัตว์ ดังนั้น การที่มีนายทุนบังอาจเข้าไปตัดไม้ขนาดใหญ่และบรรทุกขนออกมา โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าทำอะไรเลยนั้น คงต้องไปถามอธิบดีกรมป่าไม้ และผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญว่ารับทราบเรื่องนี้หรือไม่ นายศรีสุวรรณกล่าว