. วันนี้..คำถามที่ประชาชนและสังคมไทยอยากรู้และอยากได้คำตอบ”…กรณีการปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย”ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ตามที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นยกฟ้องในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อยเป็นการกระทำความผิดอันเป็นก่อให้ความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศชาติหรือไม่..?
ถามตรงๆว่าสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อยที่ก่อสร้างขึ้นในลำน้ำแควน้อยตามคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่มีคำสั่งให้รื้อถอนรัฐและประชาชนเสียหายหรือไม่
เมื่อรัฐเสียหายย่อมมีอำนาจสั่งให้รื้อออกไปแต่เมื่อมีคำสั่งแล้วกลับไม่รื้อย่อมเกิดความเสียหายต่อส่วนรวมแน่นอนต่อการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานและต่อมาจากการฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อออกแต่ไปฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนคำสั่งทางปกครองแต่ศาลปกครองสูงสุดกลับมีคำพิพากษาว่าการล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเป็นการกระทำมิชอบและคำสั่งให้รื้อถอนเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมายให้รื้อถอนออกไปทั้งหมด
กรณีการกระทำของพล.ต.อ.เสรีพิศุทร์ฯเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา360 และประมวลกฏหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ หรือไม่..ที่บัญญัติไว้ว่า
“ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
****กรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาถึงกรณีการที่กรมเจ้าท่ามีคำสั่งให้รื้อน่าจะมาจากไม่ได้มีการยื่นคำร้องขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยหรือไม่อย่างไร(ต้องตรวจสอบโดยละเอียด)ที่ควรพิจารณาโดยละเอียดถี่ถ้วนผมขอให้พี่น้องประชาชนพิจารณาและขอให้เจ้าพนักงานตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจสอบสวนพิจารณาเพราะว่าคดีนี้มีอายุความ20ปีและลักษณะนี้เป็นคดีที่เป็นการกระทำความผิดอาญาเทียบเคียงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2544
ประการสำคัญต่อมาที่จะพิจารณาโดยตรงเกี่ยวกับหลักสุจริตในการกระทำดังกล่าวว่า”การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำเข้าไปลำน้ำแควน้อยดังกล่าวเป็นการกระทำฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง.พ.ศ.2560 มาตรา45 ประกอบมาตรา93 ที่พรรคเสรีรวมไทยต้องถูกยุบพรรคหรือไม่
มาตรา 45 ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองกระทําการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทําการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน หรือกระทําการอันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
มาตรา 92 เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทําการ อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น
……………………………………………………………………….
(3)กระทําการฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ วรรคสอง มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๐ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๔ มาตรา ๔๕ มาตรา ๔๖ มาตรา ๗๒ หรือมาตรา ๗๔
(4)มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญดําเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทําการ ตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น..”
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าพล.ต.อ.เวรพิศุทธิ์ฯเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคเสรีรวมไทยเป็นบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ(ลำน้ำแม่น้ำแควน้อย)ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจริง..!
***ทรัพยากรธรรมชาติหมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเองหรือมีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ ป่าไม้ สัตว์ป่า เป็นต้น ซึ่งมนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตได้****
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่ามีการกระทำความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมายจริงตามคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยของอธิบดีกรมเจ้าท่าจริงแล้วและต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าเป็นคำสั่งที่ถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วพยานหลักฐานเพียงพอแก่การรับฟังว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร
พล.ต.อ.เสรีพิศุทร์ฯเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองและเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นประธานคณะกรรมาธิการ.ป.ป.ช.ซึ่งเป็นนักการเมืองและเป็นบุคคลสาธารณะที่สมควรที่จะถูกตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคมต่อไป
ผมขอฝากถามถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจเรื่องดังกล่าวด้วย
“กฏหมายย่อมคือกฎหมายบุคคลใดละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎหมายย่อมต้องได้รับโทษตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด”
ด้วยความปรารถนาดี
ทนายบุญถาวร ปัญญามณีโชติหรือปัญญาสิทธิ์
ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคการเมือง
ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
26 กรกฎาคม 2564