ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #ศาลแขวงดุสิต “ยกฟ้อง” !! ปานเทพ ชุมนุมค้านกฎหมายปิโตรเลียมหน้าทำเนียบรัฐบาล

#ศาลแขวงดุสิต “ยกฟ้อง” !! ปานเทพ ชุมนุมค้านกฎหมายปิโตรเลียมหน้าทำเนียบรัฐบาล

28 December 2017
677   0

ศาลชี้ไม่เข้าข่ายกระทำความผิดทั้งเนื้อหาที่ปราศรัย พฤติการณ์การชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายนำรั้วมากั้นเอง อีกทั้งได้มีผู้ยื่นขอการชุมนุมสาธารณะตามขั้นตอนแล้ว พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

วันนี้ (28 ธ.ค.2560) เวลา 9.00 น. ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.1132/2560 คดีหมายเลขแดงที่ อ.2772/2560 กรณีที่ พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแพ่ง 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จำเลย ว่าเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 18.00 น. จำเลยเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะและมาปราศรัยที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เพื่อคัดค้าน พรบ.ปิโตรเลียม พ.ศ…. และ พรบ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม โดยไม่ได้ขออนุญาต ล่วงหน้าต่อสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งภายใน 24 ชั่วโมงก่อนการชุมนุม

ทั้งนี้ขอให้ศาลลงโทษเพราะเป็นการกระทำความผิดตาม มาตรา 10, 28 แห่ง พรบ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และขอให้นับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 607/2558 (คดีชุมนุมสนามบิน 2551, อยู่ระหว่างการต่อสู้ในศาลอาญา) และหมายเลขดำที่ 1133/2560 ของศาลแขวงดุสิต (คดีการชุมนุมทวงคืนสิทธิ์พื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2554 ศาลแขวงดุสิตยกฟ้องไปแล้ว อยู่ระหว่างรอคำพิพาษาศาลอุทธรณ์) จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์สรุปสาระสำคัญพิพากษา 2 ประเด็นดังนี้

1. เมื่อพิจารณาภาพเคลื่อนไหวจากแผ่นดีวีดี และแผ่นซีดีที่อยู่ในชุดคำให้การของจำเลย อันเป็นเหตุการณ์ ขณะจำเลยใช้เครื่องกระจายเสียงแบบพกพาติดตัวหรือโทรโข่งของเจ้าพนักงานตำรวจพูดกับกลุ่มผู้ชุมนุมถึงการเสียประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจากกฎหมายดังกล่าวและให้ผู้ชุมนุมเห็นใจและให้เกียรติเจ้าพนักงานตำรวจที่มาปฎิบัติหน้าที่ ก็เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามปกติ มิได้มีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมพูดจาเชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุมสาธารณะแต่อย่างใด

2. จุดมุ่งหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาร่วมชุมนุมก็เพื่อต้องการยื่นหนังสือคัดค้านพระราชบัญญัติปิโตรเลียมแก่นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล (กพร.) ซึ่งอยู่ในเขตท้องที่ของสถานีตำรวจนครบาลดุสิต

โดยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชุมนุมในที่เกิดเหตุปรากฏว่าก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นถนนพิษณุโลกบริเวณสี่แยกพาณิชย์พระนครถึงแยกมิสกวัน และการปิดกั้นดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่สามารถเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลได้

3. กลุ่มผู้ชุมนุมมิได้ประสงค์จากสาธารณะที่เกิดเหตุแต่เป็นเพราะเจ้าพนักงานตำรวจปิดกั้นถนนและควบคุมพันโทแพทย์หญิงกมลพรรณ ชีวพรรณศรีไป ผู้ชุมนุมจึงเกิดความไม่การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจ กรณีจึงไม่มีในตัวครับตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 อันจะต้องแจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง

4. จำเลยได้นำสืบยืนยันว่า ก่อนเกิดเหตุ นายหาญยิ่ง รัตนทุมมาพร ได้มอบให้นายธนา นาคบุญนำ ไป ยื่นหนังสือแจ้งการชุมนุมสาธารณะที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิตและสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งเพื่อประสงค์คัดค้านร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียมและร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่รัฐสภาและทำเนียบรัฐบาลแล้ว แต่เจ้าพนักงานสถานที่ตรวจ นครบาลดุสิตอ้างว่าการชุมนุมดังกล่าวเข้าลักษณะชุมนุมทางการเมืองให้ไปยื่นหนังสือขออนุญาตตามหัวหน้าคณะรักษาความสงแห่งชาติ (คสช.) ส่วนเจ้าพนักงานสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งอ้างว่าพื้นที่ชุมนุมไม่ได้อยู่ในเขตท้องที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นายหารที่มอบให้นายธนาไปยื่นหนังสือขออนุญาตต่อหัวหน้า คสช. ผ่านแม่ทัพภาคที่ 1 ก็เจือสมกับพยานโจทก์ที่น่าเชื่อถือ

พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง

รายละเอียดติดตามภาพถ่ายสำเนาคัดคำพิพากษาคดีนี้ ที่แฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตามลิงค์ด้านล่างนี้
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1665582486835047&id=123613731031938

สำนักข่าววิหคนิวส์