ถกงบ 65 แค่อุ่นเครื่อง
ของจริงต้องซักฟอก 31 ส.ค.
ล่วงเลยเข้าเช้ามืดวันอาทิตย์ 22 ส.ค.64 การอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท จึงเสร็จสิ้น หลังจากเริ่มมาตั้งแต่วันพุธที่ 18 ส.ค. จากเดิมที่ตั้งไว้เพียง 3 วัน
แม้วิปทั้ง 2 ฝ่ายจะพยายามประสานเจรจากรอบเวลาการอภิปราย แต่ในทางปฏิบัติดูจะไม่ได้ผลนัก สาเหตุจากหลายปัจจัย ตั้งแต่เป็นเรื่องสิทธิของส.ส.ที่ขอแปรญัตติไว้ บางคนสงวนคำแปรไว้หลายมาตรา หรือแม้แต่ส.ส.คนอื่นๆในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนฯ สามารถลุกขึ้นพูดได้
ยังมีปัจจัยจากการประชุมสภาในญัตติสำคัญๆได้ว่างเว้นมาระยะหนึ่ง จากการระบาดของโควิด 19 รอบ 3 ทำให้ส.ส.เฉาปากไม่ได้พูดมานาน เมื่อมีโอกาสได้พูดออกสื่อแบบฟรีๆ แถมยังสามารถทำไลฟ์สดได้ ย่อมต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนในพืันที่ของตนได้เห็นกันหน่อย
ยังไม่นับบรรดาองครักษ์พิทักษ์นาย ทั้งในรัฐบาลและพรรคที่ตนเองสังกัด ตลอดจนกลุ่มส.ส.งูเห่าที่โผล่ขึ้นชูคอแผ่แม่เบี้ย แสดงให้เห็นรูใหม่ที่แอบไปซุกตัวอยู่ ทำให้การอภิปรายยืดเยื้อ วกวน ซ้ำกันไปมาแบบน้ำท่วมทุ่ง ถึงขั้นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาตำหนิว่า ซ้ำกับการอภิปรายในวาระที่ 1
แม้เสียงส่วนใหญ่จะเห็นตามการปรับทอนและโยกงบตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก แต่ในงบบางมาตราหรือบางกระทรวง ก็ตกเป็นเป้าอภิปรายของส.ส.และกรรมาธิการเสียงข้างน้อย เช่น งบกระทรวงกลาโหม 9.2 หมื่นล้าน งบกระทรวงสาธารณสุข 3.7 หมื่นล้าน งบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะโครงจัดจัดซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์และอุปกรณ์ปราบม็อบ รวมถึงงบที่ปรับลดจากส่วนต่างๆไปเพิ่มที่งบกลางอีก 1.6 หมื่นล้านเพื่อเยียวยาช่วยเหลือผลกระทบจากโควิด 19
ด้านหนึ่งคือหวังผลตีกินคะแนนนิยมจากประชาชนที่ได้รับผลจากโควิด 19 และประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจรัฐบาลเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว
แต่อีกด้านหนึ่ง ถือเป็นการอุ่นเครื่องทดสอบความพร้อมก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ทั้งเรื่องข้อมูล ลีลาฝีปาก ลูกล่อลูกชน รวมกระทั่งตรวจสอบจำนวนเสียงส.ส.จริงๆของฝ่ายค้าน หลังจากเห็นส.ส.งูเห่าและส.ส.ฝากเลี้ยง แสดงท่าทีชัดเจนหลายคน ในศึกงบ 65 ครั้งนี้ โดยทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์พรรคการเมืองอื่น ชนิดที่คอการเมืองเองก็สังเกตุเห็นได้
ก่อนนำไปสรุป เพื่อปรับยุทธศาสตร์ใหม่ในศึกซักฟอกรัฐบาล 6 คนที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประเมินจากเนื้อหาการอภิปรายงบ 6 5 ชัดเจนว่า นอกจากพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะโดนจัดหนักเป็นเป้าหมายสำคัญแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข ก็จะโดนหนักแน่ๆ แม้จะอ้างว่าไม่ได้อยู่ในศบค.ที่บริหารจัดการโควิด 1 9 โดยตรง รวมถึงไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการจัดหาวัคซีนก็ตาม แต่หนังตัวอย่างที่เปิดฉาย ชัดเจนว่าปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
เจ้าตัวเองก็คงจะทราบชะตากรรมนี้ดี ถึงขั้นมีข่าวจะเรียกประชุมพรรคเพื่อเตรียมพร้อมและประเมินสถานการณ์ทันที 22 สิงหาคม แม้ต่อมาจะปฏิเสธก็ตาม
ยังไม่นับเรื่องกินแหนงแคลงใจกับพรรคพลังประชารัฐ เรื่องส.ส.กลุ่มดาวลูกไก่แหกมติพรรค งดออกเสียงสนับสนุนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีคมนาคม เรื่องปมรถไฟฟ้า ซึ่งทางพลังประชารัฐก็อยากมีเอี่ยวผ่านการบริหารเดินรถโดยกทม.ในรถไฟฟ้าบางเส้นทางเช่นกัน
เพราะในทางการเมือง หากผู้ใหญ่ไม่ไฟเขียวหรือขยิบตาส่งสัญญาณ มีหรือส.ส.ระดับลูกเจี๊ยบจะกล้า ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกหรือไม่
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องติวเข้มทั้งส.ส.ของพรรคที่อาจจะมีคลื่นใต้น้ำอยู่เช่นเดิมแม้จะขาดนายเทพไท เสนพงษ์ ไปหนึ่งคน กับตัวรัฐมนตรีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน คนใจป้ำในพรรค แต่อาจมีปัญหาเรื่องการพูดซึ่งจะมีผลต่อการชี้แจงในสภาได้
วอร์พอัพผ่านศึกงบ 65 อาจยังไม่เร้าใจ แต่ศึกจริง จะเข้มข้นกว่าเดิม เพราะเรื่องขาดเอกภาพนั้น ไม่ได้มีเฉพาะฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็มี